Tuesday, October 23, 2012

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 3


ที่กองถ่ายละคร นงลักษณ์กำลังคุยโทรศัพท์มือถือกับเอมิกา
       “เค้าจะเอาเบอร์ไปทำไม?” นงลักษณ์ถาม
       “ไม่รู้” เอมิกาคิดไปด้วยพูดไปด้วย “ฉันว่าเค้าต้องสงสัยเรื่องฉันแน่ๆ”
       นงลักษณ์ชงน้ำแดง
       “แกคิดเข้าข้างตัวเองไปแหละ เค้าอาจจะอยากได้คนใช้ก็ได้”
       “ไม่รู้ล่ะ เพื่อความปลอดภัย จะให้เค้าไปบริษัทจัดหางานไม่ได้เด็ดขาด” เอมิกาคิด “หรือให้เบอร์มั่วไปดี”
       นงลักษณ์นิ่งคิด “ยิ่งน่าสงสัยเข้าไปอีก”
       นงลักษณ์หันไปเห็นชัยพรกำลังแต่งตัวไปท่องบทไปก็นึกอะไรออก
       “ฉันคิดออกแล้ว” นงลักษณ์ยิ้มมุมปาก
       เอมิกาสงสัย
     
       เวลาผ่านไป สมพิศยื่นกระดาษโน้ตให้วเรศ
       “เบอร์เฮียสุวิทย์ค่ะ”
       วเรศรับกระดาษมา
       “ขอบคุณครับ”
       วเรศมองเบอร์ในมือแล้วก็ยิ้มออกมา
     
       นงลักษณ์กับชัยพรจ้องโทรศัพท์มือถือ ทีมงานกำลังเก็บของเตรียมย้ายกองอยู่ที่ด้านหลัง ไม่นานเสียงมือถือของชัยพรก็ดังขึ้น นงลักษณ์พยักหน้าให้ชัยพร ชัยพรสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วกดรับสาย พร้อมทำเสียงคนจีนพูดภาษาไทย
       “อาโหล...ใช่ อั๊วสุวิทย์ ลื๊อเป็นใคร??” ชัยพรฟัง “เจ้านายอาชะเอม อาชะเอมไหน? อั๊วจำไม่ล่าย มีคนงานตั้งหลายคน” ชัยพรฟัง “จำไม่ได้ไม่เป็นไร ลื๊อจะมาหาอั๊วที่บริษัท!”
       ชัยพรหันไปมองนงลักษณ์ นงลักษณ์ส่ายหัวพร้อมขยับปากว่า “ไม่อยู่”
       “อั๊วไม่อยู่” ชัยพรฟัง “ไม่อยู่ไม่เป็นไร ให้เอาเอกสารของอาชะเอมฝากไว้” นงลักษณ์ตกใจ “อาโหล อาโหล” ชัยพรแกล้งทำเสียงเหมือนคลื่นแทรก “อั๊วไม่ล่ายยินเลย อาโหล..แคร่กๆคร่อกๆ” ชัยพรรีบกดวางสาย “ทำไงดีวะนง”
       นงลักษณ์คิด เธอหันไปมองฉากถ่ายทำที่เป็นออฟฟิศ แล้วก็นึกอะไรออก
       “อยากมาก็ให้มา!”
       ชัยพรมองนงลักษณ์ด้วยความสงสัย
       “แกโทรกลับไปหาคุณตั้มบอกให้เค้ามาที่นี่!! ฉันจะโทรหาไอ้เอมเอง”
       ชัยพรอึ้ง งง และไม่เข้าใจ
     
       เสียงมือถือเอมิกาดังขึ้น เอมิการีบกดรับสาย
       “ว่าไงนง” เอมิกาฟังแล้วก็แปลกใจ “ให้ฉันรีบไปหาแกตอนนี้!!”
       เอมิกานิ่วหน้าเพราะไม่เข้าใจ
     
       ที่บ้านแป๊ะ ปองเทพกำลังเช็ดรูปปั้นเด็กผู้ชายที่เปลือยก้น ส่วนอีกมือก็โทรศัพท์ไปด้วย
       “ทำไมเอมไม่รับโทรศัพท์ซักที” ปองเทพบ่น
       ปองเทพมัวแต่โทร มือเลยเช็ดวนอยู่แต่ตรงก้น แป๊ะเดินออกมาเห็นก็ยิ้มชอบใจเพราะรู้สึกจักจี้ก้นตัวเองขึ้นมา
       “ป่องจ๋า!” แป๊ะเรียก ปองเทพเงยหน้า “ทำไรอยู่อ่า”
       “เช็ดรูปปั้นครับ”
       ปองเทพหันไปก็ผงะที่ตัวเองกำลังเช็ดก้นอยู่จึงรีบเอามือออก แป๊ะเดินมาหา
       “เคยมือน่าดูเลยนะตัวเอง”
       แป๊ะเกาคางปองเทพ ปองเทพรีบผละออกด้วยความสยอง
       “คืนนี้ฉันจะไปปาร์ตี้ กลับดึก รอเปิดประตูหลัง” แป๊ะบอก ปองเทพสะดุ้ง “ฉันล้อเล่น เปิดประตูหน้าให้ด้วยนะจ๊ะ ฉันไปล่ะ”
       แป๊ะยิ้มหวานแล้วก็เดินออกไป ปองเทพขนลุกเกรียวแล้วก็กังวลเรื่องเอมิกา
     
       ปองเทพเดินด้อมๆมองๆหาเอมิกามาตามทาง พร้อมกับโทรหาเอมิกาไปด้วย
       “โทรไปก็ไม่รับ เอมอยู่ไหนเนี่ย?”
       อรวิลาสกำลังว่ายน้ำอย่างมีความสุข ทันใดนั้นก็เกิดอาการตะคริวกิน อรวิลาสตกใจเพราะกำลังจะจมน้ำ
       อรวิลาสแผดเสียง “ช่วยด้วย”
       ปองเทพได้ยินก็หันขวับด้วยความตกใจ เขารีบวิ่งไปตามเสียงจนเห็นอรวิลาสกำลังจะจมน้ำ ปองเทพรีบกระโดดลงไปช่วย แต่อรวิลาสกลัวมากทั้งโวยวายทั้งกดหัวปองเทพไม่หยุด
       “ว๊าย! ช่วยด้วย ว๊าย!! ว๊าย!!”
       ปองเทพจะจมน้ำไปด้วยอีกคน “เฮ้ย! คุณ...อย่ากด! อย่า...แค่กแค่ก...”
       แล้วอรวิลาสก็หมดสติเพราะกินน้ำเข้าไปหลายอึก ปองเทพตกใจมาก
       “คุณอร..!!”
       ปองเทพวางอรวิลาสลงบนพื้นริมสระ ปองเทพหน้าตาตื่นก่อนจะพยายามตบหน้าอรวิลาส
       “คุณอร..คุณอร..”
       อรวิลาสไม่ฟื้น ปองเทพครุ่นคิดสักพักก่อนจะยกอรวิลาสพาดบ่าแล้วกระโดดๆเพื่อให้อรวิลาสสำลักน้ำออกมาแต่ก็ไม่ได้ผล ปองเทพค่อยๆวางอรวิลาสลงบนพื้นอีกครั้ง
       “ไม่ฟื้น!” ปองเทพเกาหัวยิก “ทำไงดีวะ” ปองเทพคิดจนนึกออก “ต้องผายปอด...” ปองเทพมองปากอรวิลาส “เอาวะ!”
       ปองเทพยื่นปากจู๋ลงมาประกบปากอรวิลาส จังหวะเดียวกับที่อรวิลาสลืมตาขึ้นมาเห็นปองเทพก็ตกใจตาโต เธอผลักหัวปองเทพจนหงายล้มไปบนพื้น
       “อ๊าย” อรวิลาสรีบลุกขึ้นนั่ง “แกทำอะไรฉัน!!”
       “คุณนั่นแหละทำร้ายผมทำไม? ผมอุตส่าห์ช่วยคุณขึ้นมาจากน้ำ เห็นคุณสลบ ผมก็เลยจะผายปอดให้”
       “ไม่ต้องมาอ้าง!!” อรวิลาสลุกขึ้นยืนฟูมฟาย “จูบแรกที่ฉันเฝ้ารักษามานานเพื่อให้พี่ตั้ม กลับโดนไพร่อย่างแกขโมย!! ไอ้คนฉวยโอกาส”
       “ดราม่าไปรึเปล่าคุณ!!”
       อรวิลาสเข้ามาตบตีปองเทพไม่หยุดด้วยความโมโห ปองเทพพยายามปัดป้อง
       “เอ๊ย! คุณอร..อย่า..โอ๊ย..อุ๊ย...!!”
       ปองเทพถอยหนีพร้อมกับจับแขนอรวิลาสให้หยุด ทันใดนั้นปองเทพก็เสียหลักหงายหลัง อรวิลาสล้มตามไปทับตัวปองเทพ แล้วปากของทั้งสองก็ประกบกันอีกครั้ง อรวิลาสกับปองเทพอึ้ง ทั้งสองรีบผละออกห่าง
       “อ๊าย!!”
       อรวิลาสรีบลุกทำให้เข่าไปโดนเป้าปองเทพจนจุกหน้าเขียว อรวิลาสลุกขึ้นได้ก็ถีบๆๆ ปองเทพจนกลิ้งตกน้ำก่อนจะเดินจ้ำออกไปด้วยความอับอายและโมโห ปองเทพพรวดขึ้นมาจากน้ำโดยที่ยังจุกหน้าเขียวพูดไม่ออก อรวิลาสเดินมาตามทางด้วยสีหน้าหงุดหงิดพลางเอามือถูปากไปด้วย
       “บ้าเอ๊ย!! ทุเรศที่สุด อี๋อี๋ แหวะแหวะ”
       แล้วอรวิลาสก็ชะงักเมื่อเห็นหนูอ้อยยืนหัวเราะอยู่
       “นังอ้อย..หัวเราะอะไรไม่ทราบ”
       หนูอ้อยหยิบมือถือออกมาแล้วหันหน้าจอไปทางอรวิลาสทำให้อรวิลาสเห็นว่าที่หน้าจอเป็นภาพปองเทพปากประกบปากอรวิลาสแบบเน้นๆ อรวิลาสกรี๊ดแล้วจะแย่งมือถือ แต่หนูอ้อยหลบได้ทัน
       “นังอ้อย..ลบเดี๋ยวนี้!!” อรวิลาสสั่ง
       “ม่าย..ลบ! ต่อไปนี้ถ้าพี่อรขัดใจหนูอ้อยล่ะก้อ รูปนี้ได้ลงเฟซบุคแน่!”
       “นังเด็กบ้า!!”
       หนูอ้อยทำท่าจะกดปุ่มโพสต์ภาพ “อ๊ะอ๊ะ อย่านะ ถ้าพี่ตั้มเห็น พี่ตั้มต้องเกลียดพี่อรไปตลอดชีวิตเลยคอยดูสิ!!” หนูอ้อยชูมือถือกวนประสาท “เอาป่ะเอาป่ะ”
       อรวิลาสไม่กล้า หนูอ้อยยิ้มพร้อมยักคิ้วแล้วเดินออกไป อรวิลาสได้แต่กระทืบเท้าแล้วก็กรี๊ดๆๆอยู่ตรงนั้น



       ชัยพรใช้มือถือถ่ายรูปบัตรประชาชนของเอมิกา เขาส่งรูปบัตรประชาชนเข้าไปในโน้ตบุคผ่านทางบลูทู๊ด ก่อนจะเอารูปเข้าโปรแกรมโฟโต้ชอป ชัยพรลบชื่อเอมิกา ไกรกำแหง แล้วเปลี่ยนเป็น นางสาวชะเอม จำเนียรเจรจา เอมิกากับนงลักษณ์มองด้วยความทึ่ง ชัยพรปัดมือแล้วหันมาทางสองสาว
       “เรียบร้อย!!”
       “เหมือนของจริงมาก” เอมิกาชมแล้วหันไปทางนงลักษณ์ “ว่าแต่แกเนรมิตทุกอย่างได้เร็วขนาดนี้ได้ไง?”
       เอมิกามองไปรอบๆ ซึ่งเห็นคนทำงาน 4-5 คนนั่งประจำโต๊ะที่ถูกจัดเป็นออฟฟิศ นงลักษณ์ยิ้ม
     
       นงลักษณ์ยืนอยู่กับทีมงานคนหนึ่ง
       “เดี๋ยวนงเคลียร์ของที่นี่ให้เอง พวกพี่รีบไปเหอะ เดี๋ยวจะถ่ายไม่ทัน”
       “ขอบใจ”
       นงลักษณ์พยักหน้า แล้วทีมงานก็เดินออกไป
       นงลักษณ์ยืนอยู่กับเจ๊ที่เป็นสวัสดิการคนหนึ่งซึ่งกำลังเก็บแก้วน้ำ
       “ได้เลยน้องนง เจ๊คนเดียวเอาอยู่ เพราะถ่ายอีกฉากเดียวก็เลิกแล้ว”
       “ขอบคุณมากนะเจ๊” นงลักษณ์บอก
       นงลักษณ์ยืนอยู่กับตัวประกอบ
       “พี่มีจ๊อบพิเศษ พร้อมค่าขนมนิดหน่อย ช่วยพี่ได้ป่ะ” นงลักษณ์ถาม
       พวกตัวประกอบมองหน้ากันแล้วก็พยักหน้าให้นงลักษณ์ นงลักษณ์ยิ้มดีใจ
     
       เอมิกาจับไหล่นงลักษณ์ด้วยสีหน้าตื้นตันใจ
       “ไอ้นงเพื่อนเลิฟ สมกับเป็นว่าที่ผู้กำกับ จัดการทุกอย่างได้ในพริบตา สุดยอด!!” เอมิกาชม
       “ไม่ต้องยอฉันมาก แกรีบกลับไปก่อนที่คุณตั้มของแกจะมา!”
       “เค้าไม่ใช่คุณตั้มของฉัน!!”
       “เออเออ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่”
       “ฉันล่ะสงสัยจริงๆว่าเค้าตามฉันมาทำไม?”
       “ฉันก็อยากรู้ว่าทำไมเหมือนกัน ถ้าเค้ามาเพราะเรื่องแกจริง ฉันก็อยากรู้ว่าทำไมเค้าถึงสนใจแก” นงลักษณ์สงสัย เอมิกานิ่ง
       เอมิกายังไม่ทันตอบก็เห็นวเรศก้าวลงจากรถ เอมิกาตกใจมาก
       “เยย!! มาแล้ว”
       นงลักษณ์ ชัยพรหันไปเห็นวเรศก็ตกใจ
     
       วเรศนั่งอยู่ในออฟฟิศ เขามองไปรอบๆเห็นตัวประกอบตั้งใจทำงานจนดูเป็นออฟฟิศที่วุ่นวาย นงลักษณ์กับเอมิกาซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำแต่เปิดประตูแง้มดูวเรศตลอด
       “หล่อนี่หว่าไอ้เอม” นงลักษณ์บอก
       “ก็หล่อ แต่นิสัยแปลกๆ” เอมิกาบอก
       ไม่นานชัยพรก็เดินตาหยีกลับมาพร้อมสำเนาบัตรประชาชน ชัยพรมานั่งตรงข้ามวเรศ
       “สำเนาบัตรของอาชะเอม” ชัยพรบอก วเรศรับมาดู “อาชะเอมอีเป็นคนจังหวัดสุรินทร์ เคยเลี้ยงช้างมาก่อน แต่ไม่รอด เพราะหวิดโดนช้างเหยียบ ก็เลยตัดสินใจเข้ากรุงเทพ มาหางานทำเป็นคนใช้”
       “แล้วก่อนหน้านั้น ทำไมเค้าถึงไปเป็นโคโยตี้”
       “ก็ตอนนั้นมันไม่ยังไม่มีงาน อีก็เลยไปทำโคโยตี้ระหว่างรองานน่ะสิ” ชัยพรบอก วเรศนิ่งคิด “อาชะเอมอีเป็นคนขยันนา ถึงจะดูป้ำๆเป๋อๆ แต่ก็มีความพยายาม อดทน ไม่เรื่องมาก ไม่เห็นแก่เงิน อั๊วรับรองได้ ถ้าไม่เป็นอย่างที่อั๊วพูด ขอให้ฟ้าผ่ากลางกะบาลอั๊วเลย”
       วเรศมองชัยพรที่พูดจนหนักแน่นก็เริ่มลังเล เขาส่งสำเนาบัตรประชาชนคืนให้ชัยพร
       “ความจริง..ผมก็ไม่อะไรกับชะเอมมากนักหรอก แค่อยากตรวจสอบเพื่อความแน่ใจ คุณก็รู้ว่าสมัยนี้โจรขโมยมันเยอะ จะดูแค่หน้าตารูปลักษณ์ภายนอกก็ไม่ได้”
       เอมิกาได้ยินก็ไม่พอใจรีบหันไปทางนงลักษณ์
       “หน้าตาดีอย่างฉันเนี่ยนะเหมือนโจร”
       นงลักษณ์ยักไหล่
       ชัยพรพูดกับวเรศ
       “อั๊วเข้าใจ ถ้าเป็นอั๊ว..อั๊วก็คงทำเหมือนคุงนั่นแหละ”
       วเรศพยักหน้า นงลักษณ์เหลือบมองวเรศแล้วก็เบาใจเพราะดูเหมือนวเรศจะเชื่อ วเรศลุกขึ้นยืนพร้อมกับชัยพร
       “ขอบคุณคุณมาก” วเรศกล่าว
       “บ่เซียงกัง ไม่เป็นไร มีอะไรก็โทรมาหาอั๊วได้ตลอดเวลา”
       วเรศพยักหน้า “เออ..ห้องน้ำอยู่ไหนครับ”
       ชัยพรชี้ไป “ข้างหลัง”
       วเรศเดินออกไป ชัยพรนั่งลงแล้วก็นึกขึ้นได้จึงสะดุ้งสุดตัวลุกพรวดขึ้นมายืน
       “ฉิบหาย!!”
       ชัยพรหันไปวเรศเดินดุ่มไปไกลแล้วก็หน้าเสีย
     
       เอมิกากับนงลักษณ์เห็นวเรศเดินมาที่ห้องน้ำ นงลักษณ์ก็รีบปิดประตูล็อค
       เอมิกาลนลาน “ทำไงดีอ่ะแก??”
       นงลักษณ์หน้าเสีย วเรศจะเปิดประตูแต่เปิดไม่ได้เพราะประตูล็อค
       “ทำไมล็อค?”
       ชัยพรรีบเดินมาหา
       “คุณวเรศ..คือห้องน้ำมันเสีย…อ่าคือ…ช่างกำลังซ่อมอยู่”
       “ไม่เป็นไรครับ ผมรอได้”
       นงลักษณ์หันมาทางเอมิกา
       “แกรีบหนีออกไปตอนนี้เลย” นงลักษณ์บอก
       “ไปไง?”
       นงลักษณ์ชี้ไปที่หน้าต่างในห้องส้วม เอมิกาผงะ
       “ห๊า!! นี่แกจะให้ฉัน....”
       “เออ ไม่มีเวลาคิดแล้ว เร็วเข้า!!”
       นงลักษณ์ดันเอมิกาเข้าไป เอมิกาเหยียบโถส้วมแล้วพยายามจะปีน แต่เท้าพลาดไปเหยียบชักโครกจนเกิดเสียงดัง เสียงชักโครกที่ดังออกมาทำให้วเรศผงะ ชัยพรหน้าเสีย วเรศหันไปมองชัยพร
       ชัยพรพยายามแก้ตัว “อ่า..อาจจะซ่อมเสร็จแล้ว ขอผมถามก่อน” ชัยพรหันไปทางประตู “เฮ้ย! สถานการณ์ข้างในเป็นยังไง”
       นงลักษณ์ช่วยดันเอมิกาให้ปีนออกไปทางหน้าต่าง
       นงลักษณ์ตอบเสียงเหนื่อยๆ “เกือบรอด เอ๊ย..เกือบเสร็จแล้ว”
       เอมิกาปีนออกไป ตามมาด้วยเสียงแอ่บและเสียงร้อง!!
       “โอ๊ย!”
       นงลักษณ์สะดุ้งเพราะรู้สึกเจ็บแทนเพื่อน วเรศได้ยินเสียงก็สงสัย
       “ต้องมีใครเป็นอะไรแน่ๆ” วเรศจะเข้าไปดู
       ชัยพรเหวอ เขายื่นมือจะห้าม
       “ยะ....!” ชัยพรยังไม่ทันห้าม วเรศตั้งท่าจะผลักประตู แต่นงลักษณ์เปิดประตูออกมาพอดี วเรศชะงัก ชัยพรโล่งอก
       “ห้องน้ำซ่อมเสร็จแล้วฮะ” นงลักษณ์บอก
       “รีบเข้าไปเลยครับคุณวเรศ เชิญตามสบายครับ”
       ชัยพรดันวเรศเข้าไปในห้องน้ำแล้วปิดประตู นงลักษณ์ยกมือบอกว่าโอเค ชัยพรถอนหายใจอย่างโล่งอก
     
       วเรศออกมาจากห้องส้วมด้วยสีหน้าสบายใจสุดๆ เขาเดินมาล้างมือแล้วก็ต้องผงะ เพราะเห็นตะกร้าจ่ายกับข้าวที่เอมิกาลืมวางไว้ที่อ่างล้างมือ วเรศหยิบขึ้นมามอง เขาหยิบโน๊ตขึ้นมาก็เห็นชื่อชื่นฤทัยกับอรวิลาส วเรศถึงกับอึ้งตะลึงงัน



       วเรศยื่นตะกร้าจ่ายกับข้าวให้เอมิกา เอมิกาทำสีหน้าไม่ตื่นเต้นแปลกใจซักเท่าไหร่ เธอแค่ทำหน้าสงสัยนิดๆ
       “ฉันหาตั้งนาน มันไปอยู่ที่คุณได้ยังไง” เอมิกาถาม
       “เธอลืมไว้ที่บริษัทจัดหางาน” วเรศบอก
       เอมิกาทำเป็นคิดนิดนึง “อ๋อ...อ้าว?” เอมิกาทำซื่อ “แล้วคุณรู้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าคุณไปที่บริษัทมา”
       “ใช่ ...”
       “แล้ว...คุณไปทำอะไรคะ ? หรือว่าอยากได้แม่บ้าน ?” เอมิกาทำซื่ออีก
       “ฉันจะไปทำไม ไม่สำคัญ .. แต่เธอ...ไปที่นั่นทำไม? ไปในเวลาซะด้วย” วเรศมองหน้าจับผิด “นอกจากจะมีพิรุธแล้ว ยังทำผิดโทษฐานอู้งานอีกต่างหาก”
       เอมิกาอึกอัก “คะ...คือ … คือพอดีฉันผ่านไปแถวนั้น เลยแวะเข้าไปหาคุณสุวิทย์”
       วเรศสวน “เธอไปหาเค้าทำไม”
       “ก็ ก็ ... “ เอมิกาคิดแล้วก็ตอบ “ก็เพราะคุณนั่นแหละ”
       วเรศชะงัก เอมิกาพูดต่อ
       “เพราะคุณคอยจับผิดฉัน จนฉันไม่แน่ใจ จะโดนไล่ออกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ฉันก็เลยไปบอกเฮียว่าถ้ามีงานใหม่เมื่อไหร่ ให้รีบบอกทันที ถ้าดีกว่า ปลอดภัยกว่าฉันพร้อมไปทันที ดีกว่าอยู่ที่นี่แบบไม่มีความสุข”
       วเรศสะอึกนิดๆ เอมิการีบตัดบททันที
       “ฉันเอาตะกร้าไปให้ป้าพิศก่อนนะคะ”
       เอมิกาดึงตะกร้าแล้วรีบเดินออกไป วเรศยังคงจับตามองเอมิกาด้วยความสงสัยแต่อีกใจก็เริ่มคิดว่าหรือเราจะทำให้เอมิกาซวยจริงๆ
     
       เอมิกากำลังคุยโทรศัพท์กับนงลักษณ์
       “ตอบได้ดีมากเอม...ไปเป็นคนใช้ไม่กี่วัน วิชาไหลเอาตัวรอดเริ่มจะแกร่งกล้า หน้าไม่อายจริงๆ” นงลักษณ์ว่า
       เอมิกาคุยโทรศัพท์ไปก็มองซ้ายมองขวาไป
       “ชมใช่มั๊ยแก ?”
       นงลักษณ์รีบพูดด้วยความขำ
       “เออสิ จากใจเลยนะเนี่ย” นงลักษณ์ขำแล้วก็หยุด “เออ..แต่จะว่าไป ฉันว่า ตาตั้มหน้าใสหลานเจ้านายแกเค้าแปลกๆว่ะ .. ฉันว่าเค้าต้อง “คิดอะไร” กับแกแน่ๆ”
       เอมิกาสะดุ้ง
       “คิดอะไร ? คือ อะไรของแกหะ ?”
       นงลักษณ์พูดไปคิดไป
       “ก็อะไรๆที่มันไม่ธรรมดา อะไรๆที่มันพิเศษกว่าปกติ”
       เอมิกาชะงักแต่ไม่เห็นด้วย
       นงลักษณ์พูดต่อ “แกคิดดู ถ้าเค้าไม่สนใจแกมากเป็นพิเศษ เค้าคงไม่ถ่อไปซักประวัติแกถึงที่บริษัทหางาน แถมยังคอยจับตามองแกแทบจะทุกฝีก้าว ถ้าไม่คิดอะไร จะทำแบบนั้นทำไม”
       เอมิกาสวน “ที่ทำเพราะอยากจับผิดฉันไง ฉันว่าเค้าคงไม่ไว้ใจฉัน ก็อย่างที่เค้าบอก เค้าคิดว่าฉันเป็นโจร ก็เลยไม่ไว้ใจ”
       นงลักษณ์ฟังแต่ไม่เชื่อ
       เอมิกาพูดต่อ “ถ้าเค้าจะคิดอะไรสักอย่างกับฉัน....มันคงไม่ใช่ทางที่ดี และเพื่อความปลอดภัย ฉันก็ควรจะอยู่ห่างจากเค้าให้มากที่สุด และฉันจะไม่ยอมให้เค้ามาทำภาระกิจพิชิตทุนไปนิวยอร์คของฉันต้องพังทะลายเป็นอันขาด”
       เอมิกาประกาศก้อง
     
       เช้าวันรุ่งขึ้น วเรศเอาโบรชัวร์โรงเรียนภาษาอังกฤษมาให้อรวิลาส ชื่นฤทัยนั่งอยู่ข้างๆ อรวิลาสเอาแต่มองหน้าวเรศโดยไม่ได้สนใจสิ่งที่วเรศพูด
       “พี่เอามาให้อรเลือกหลายๆโรงเรียน แต่ล่ะโรงเรียนก็มีวิธีการสอนคล้ายๆกัน มันขึ้นอยู่กับว่าอรอยากเรียนเป็นบทสนทนา หรือเรียนการเขียน อรลองเอาไปเลือกดู”
       อรวิลาสดึงโบรชัวร์มา “ค่ะ”
       ชื่นฤทัยเอาโบรชัวร์คืนให้วเรศ
       “ดูแค่โบรชัวร์ มันจะไปเห็นภาพอาไร้ อาว่าตั้มพาน้องออกไปดูที่จริงเลยดีกว่า ไหนๆวันนี้ก็เป็นวันหยุด ตั้มไม่ต้องไปทำงานไม่ใช่เหรอ”
       “ครับ แต่ผมมีงานต้องคุยกับอาพีนะครับ” วเรศบอก
       “งานน่ะคุยเมื่อไหร่ก็ได้ จัดตั้งปลายปี...ยังมีเวลา แต่น้องน่ะไม่มีเวลาแล้ว หยุดเรียนมาตั้งเกือบปี น้องกำลังไฟแรง อยากเรียนรู้ ตั้มช่วยน้องหน่อยเถอะ”
       อรวิลาสได้แต่นั่งยิ้มและทำตาปริบๆ วเรศพูดไม่ออกจึงจำต้องตอบตกลง
       “ได้ครับ”
       อรวิลาสดีใจมาก
       “งั้นเราไปกันเลยนะคะพี่ตั้ม เดี๋ยวอรขอขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนะคะ”
       อรวิลาสลุกเดินออกไป วเรศหันมายิ้มแหยๆกับชื่นฤทัย ชื่นฤทัยจิบน้ำด้วยสีหน้าพอใจมาก
     
       อรวิลาสเข้ามาในห้องแล้วก็ผงะด้วยความตกใจเพราะเสื้อผ้าในห้องกระจัดกระจาย เครื่องสำอางค์ถูกเปิดอยู่บนโต๊ะ หนูอ้อยใส่ชุดอรวิลาสก็เดินออกมา หนูอ้อยมีเครื่องประดับเต็มตัวทั้งสร้อยคอ กำไล และต่างหู หน้าตาของเธอเต็มไปด้วยเครื่องสำอางค์ อรวิลาสปรี๊ดแตกขึ้นทันที
       “นังอ้อย!! แกทำอะไรของแก” อรวิลาสโวยวาย “เสื้อผ้า ข้าวของของฉัน!!”
       หนูอ้อยเท้าเอว “พี่อรอย่ามาด่าหนูอ้อยนะ”
       “ทำไมฉันจะด่าแกไม่ได้! นังเด็กไม่มีมารยาท!”
       หนูอ้อยเอามือถือที่ห้อยคอหันหน้าไปทางอรวิลาส อรวิลาสชะงักเพราะเห็นภาพตัวเองกับปองเทพแล้วก็นึกขึ้นได้ หนูอ้อยกอดอกแล้วทำหน้าตาแบบเหนือชั้น
       “ถ้าพี่อรด่าหนูอ้อยอีกคำเดียว หนูอ้อยคงไม่ต้องบอกว่าพี่อรจะเจอกับอะไร?”
       อรวิลาสพูดไม่ออก เธอพยายามอดกลั้น
       “อยากทำอะไรก็เชิญ!”
       อรวิลาสฮึดฮัดแล้วเดินออกไป หนูอ้อยยิ้มอย่างสะใจ



       ที่บ้านของแป๊ะ เอมิกาหัวเราะลั่น ส่วนปองเทพนั่งหน้ามุ่ย
       ปองเทพนั่งลง “คุณแป๊ะ..แกกำลังดีไซน์คอลเลคชั่นใหม่เลยตัดชุดให้คนใช้ทุกคนแต่งตัวแบบนี้”
       “เป็นคนใช้บ้านคุณแป๊ะนี่ท่าทางสนุกดีเนอะ” เอมิกาบอก
       “สนุกอะไรล่ะเอม หวาดเสียวมากกว่า” ปองเทพบอก
       เอมิกาชะงัก “หวาดเสียว?” เอมิกานึกขึ้นได้ “อย่าบอกนะว่าป่องกับคุณแป๊ะจุดจุดจุด” เอมิกายิ้มกรุ่มกริ่ม
       “จุดจุดจุด?” ปองเทพคิดได้ก็ตกใจ “เอ๊ยยย! ไม่ใช่!”
       “ฮ่าๆๆ เราพูดเล่น”
       “อย่าพูดแบบนี้อีกนะเอม เราสยองไปหมดแล้ว”
       เอมิกาอมยิ้ม แล้วอรวิลาสก็เดินมาหา
       “คนใช้น้าแป๊ะ!!” อรวิลาสเรียก
       ปองเทพกับเอมิกาหันไปเห็นอรวิลาสก็ตกใจ ทั้งสองรีบรักษาระยะต่อกัน
       “มานี่!” อรวิลาสเรียก ปองเทพงงๆ “ตามฉันมา นั่งหน้าเหรอหราอยู่ได้”
       ปองเทพหันไปมองเอมิกาแล้วก็เดินออกไปกับอรวิลาส เอมิกาหันไปมองด้วยความสงสัย
       “คุณอรเรียกป่องไปทำไม”
     
       ปองเทพมองอรวิลาสด้วยความตกใจ
       “คุณอรจะให้ผมขโมยโทรศัพท์มือถือคุณหนูอ้อย” ปองเทพทวนคำ
       “ใช่! นังอ้อยมันถ่ายรูปฉันกับนายที่กำลัง” อรวิลาสพูดไม่ออกเลยทำปากจู๋ “...เอาไว้” ปองเทพตกใจ “แล้วมันก็เอามาแบลคเมล์ ให้ฉันทำทุกอย่างที่มันต้องการ เพราะฉะนั้นนายต้องเอามือถือนังอ้อยมาให้ฉัน”
       “แล้วทำไมคุณไม่ทำเอง มาบอกให้ผมทำทำไม”
       “เพราะนายเป็นต้นเหตุของเรื่องนี้ นายต้องรับผิดชอบ แล้วอีกอย่างถ้าเกิดผิดพลาดอะไรขึ้นมา นายจะได้เป็นคนเดียวที่ซวย”
       “นี่มันเป็นการโยนขี้กันเห็นๆ เลยนะครับ”
       “ไม่ต้องพูดมาก นายต้องทำตามที่ฉันสั่ง!! เพราะถ้านังอ้อยเอารูปอุบาทว์ๆนี้ลงเฟซบุคเมื่อไหร่ ฉันเน่าแน่!! หวังว่าพอฉันกลับมา ทุกอย่างจะเรียบร้อย”
       อรวิลาสสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินออกไป ปองเทพหัวเสีย
       “คิดว่าพูดแค่นี้แล้วเราจะทำตามเหรอ? อ่ะโด่..ไม่มีทาง” แล้วปองเทพก็นึกขึ้นมาได้เอง “เฮ้ย! แต่ถ้าเกิด...คุณหนูอ้อยเอารูปลงเฟซจริง เอมก็มีโอกาสเห็น” ปองเทพขยี้หัวตัวเอง “โธ่เอ๊ยย!”
       ปองเทพได้แต่ถอนหายใจ
     
       ชื่นฤทัยดูเวลาแล้วหันไปบ่นกับวเรศ
       “ทำไมแต่งตัวนาน เดี๋ยวอาไปตามน้องให้”
       ชื่นฤทัยลุกแล้วเดินออกไป วเรศถอนหายใจ
     
       อรวิลาสเข้ามาในห้องที่ยังรกอยู่อย่างหัวเสีย ทันใดนั้นชื่นฤทัยก็เปิดประตูเข้ามา พอเห็นสภาพห้องชื่นฤทัยก็ผงะ
       “ตายแล้ว! มันเกิดสงครามอะไรขึ้น”
       อรวิลาสหันขวับมาหน้าถอดสี เธอรีบแก้ตัว “เออ...อร..อรไม่รู้จะใส่ชุดไหน ก็เลยรื้อออกมาหมดตู้”
       ชื่นฤทัยทำหน้าเอือม “ลูกนะลูก แค่เลือกชุด ยังเลือกไม่ได้ นี่ต้องให้แม่เลือกให้ทุกสิ่งอย่างเลยเหรอไง”
       อรวิลาสยิ้มเจื่อน ชื่นฤทัยเข้ามาหยิบชุดๆหนึ่งขึ้นมาซึ่งเป็นชุดที่ดูเซ็กซี่
       “ชุดนี้...”
       อรวิลาสตกใจ “มันไม่โป๊ไปเหรอคะแม่”
       “สมัยนี้จะมานั่งเอียงอายทำตัวเป็นผู้หญิงยุคก่อนไม่ได้ ผู้ชายดีดีอย่างหลานตั้มมีน้อย ใครๆก็จ้องที่จะงาบทั้งนั้น”
       “แต่อรว่า..ชุดมันดูเวอร์ไป”
       ชื่นฤทัยเริ่มไม่พอใจ “แม่เคยเลือกสิ่งที่ผิดให้ลูกด้วยเหรอ” อรวิลาสเงียบ ชื่นฤทัยพูดต่อ “จำไว้นะน้องอรว่าอะไรที่แม่เลือกหมายความว่านั่นคือสิ่งที่ดีที่สุด และหลานตั้มก็เป็นผู้ชายที่ดีที่สุดที่แม่เลือกให้ลูกเช่นกัน”
       ชื่นฤทัยยื่นชุดให้อรวิลาส อรวิลาสรับชุดมาจากชื่นฤทัย
     
       เอมิกาเดินมาตามทางพลางครุ่นคิดเรื่องปองเทพกับอรวิลาสไปด้วย
       “คุณอรมีอะไรกับป่อง?”
       เอมิกามัวแต่คิดเลยไม่ได้มองทาง เธอเดินไปชนกับพีรพลที่ถือแก้วกาแฟมาเต็มๆ กาแฟหกใส่เสื้อพีรพล เอมิกาตกใจ
       “ว๊าย!! ขอโทษค่ะคุณพี”
       พีรพลหาที่วางแก้วกาแฟแล้วหันมาพูด
       “ไม่เป็นไร”
       เอมิการีบดึงทิชชู่ออกมาช่วยเช็ดเสื้อให้พีรพล วเรศเดินมาทางด้านหลังเอมิกาที่กำลังเช็ดคราบกาแฟให้พีรพล วเรศเห็นดังนั้นก็รู้สึกแปลกใจเพราะท่าทางเอมิกาเหมือนกำลังซุกไซร้พีรพล วเรศไม่พอใจขึ้นมาทันที เขารีบเดินเข้ามา
       “คุณอาพี!”
       พีรพลกับเอมิกาหันไป วเรศยกมือไหว้พีรพล พีรพลรับไหว้ เอมิกามองวเรศนิ่งๆ
       “กำลังทำอะไรกันครับ” วเรศถาม
       “ชะเอมเค้าเดินชน กาแฟก็เลยหกใส่เสื้ออา” พีรพลบอก
       วเรศตั้งใจมองแล้วก็เห็นคราบกาแฟบนเสื้อพีรพลจริงๆ วเรศโล่งอกแต่ก็ไม่วายปรายตามองเอมิกาอย่างไม่ไว้ใจ เอมิการีบขอตัว
       “ฉันไปชงกาแฟให้คุณพีใหม่นะคะ”
       พีรพลพยักหน้า เอมิกาหยิบถ้วยกาแฟแล้วเดินออกไป พีรพลหันมาทางวเรศ
       “งั้นเดี๋ยวเราไปคุยงานกัน”
       “วันนี้ผมคุยกับคุณอาไม่ได้แล้ว ขอโทษด้วยนะครับ ผมต้องพาน้องอรไปดูโรงเรียนสอนภาษา”
       “พาน้องไปน่ะดีแล้ว น้องอรไม่รู้จะพึ่งใคร ก็มีแต่เราคนเดียวที่ไว้ใจได้ที่สุด”
       “ผมเห็นอรเหมือนน้องสาวคนหนึ่งอยู่แล้ว คุณอาไม่ต้องห่วง”
       พีรพลชะงักกับคำว่า”น้องสาว”เลยลองพูดหยั่งเชิง “โชคดีนะที่เรายังไม่มีแฟน ไม่อย่างนั้นได้เข้าใจเรากับน้องอรผิดแน่”
       “ถึงมีแฟนแล้ว แฟนผมเค้าก็คงจะเข้าใจ เพราะผมกับอรไม่มีทางเป็น อย่างอื่น ไปได้หรอกครับ”
       พีรพลยิ่งซีดหนัก “เออ..ทำไมล่ะ”
       “น้องอรไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่ผมชอบ” วเรศบอก พีรพลจ๋อย “ถ้าใช่ ผมคงจะสนใจมานานแล้ว ที่จริงผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผมชอบผู้หญิงแบบไหน เพราะยังไม่เคยมีใครทำให้ผมรู้สึกสนใจมากๆ พ่อกับแม่ก็พยายามจับคู่ให้ผมแต่ผมปฏิเสธตลอด จนตอนนี้ท่านก็เลิกสนใจไปแล้ว”
       พีรพลแทบะสะอึก “เหรอ? งั้นแสดงว่าเรา..ไม่ชอบโดนจับคู่”
       “ถ้าจะให้ดีที่สุด ผมว่าเราอย่าบังคับให้ใครมารักกับใครเลยดีกว่า ความรักมันต้องเกิดจากคนสองคน และผมก็ตั้งใจไว้แล้วว่าผมจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมเลือกเอง”
       พีรพลพูดอะไรไม่ออกได้แต่ปาดเหงื่อที่แตกซิก เขามองวเรศอย่างรู้สึกผิด แล้วชื่นฤทัยก็พาอรวิลาสในชุดเซ็กซี่เดินออกมา พีรพลเห็นก็แทบสำลักน้ำลายตัวเอง
       “ขอโทษนะที่ให้รอนาน” ชื่นฤทัยบอก
       วเรศยิ้มๆ แล้วเอมิกาก็เอากาแฟเข้ามาให้พีรพล
       “ฝากพาน้องไปทานข้าว แล้วก็ชอปปิ้งด้วยนะ” ชื่นฤทัยบอก
       “ครับ” วเรศรับคำ
       วเรศและอรวิลาสเดินออกไป ชื่นฤทัยมองตามอย่างปลาบปลื้ม แล้วก็เดินกลับเข้าไป พีรพลหวั่นใจเพราะเป็นห่วงวเรศ เขาหันไปเห็นเอมิกาเอากาแฟเข้ามาให้ก็นึกอะไรออก
       “ชะเอม..ช่วยอะไรฉันอย่างได้มั๊ย”
       เอมิกามองพีรพลด้วยความสงสัย

อรวิลาสหันขวับมาทางเอมิกาด้วยสีหน้าไม่พอใจ
       “แกไม่ต้องไปกับฉัน!! ฉันดูแลตัวเองได้” อรวิลาสตวาด
       เอมิกานิ่ง เธอนึกถึงตอนที่พีรพลพูดกับเธอ
     
       “ถ้าคุณอรไม่ยอมให้เธอไปด้วย ให้อ้างว่านี่เป็นคำสั่งของคุณชื่น” พีรพลบอก
     
       “ไม่ได้ค่ะ” เอมิกาพูด อรวิลาสผงะ “นี่เป็นคำสั่งของคุณชื่น!”
       อรวิลาชะงัก วเรศหันไปมอง
       “ถ้าฉันไม่ทำตามที่คุณชื่นบอก ฉันจะโดนคุณชื่นดุ เพราะฉะนั้นฉันต้องไปกับคุณค่ะ”
       เอมิกาพูดจบก็เปิดประตูรถเข้าไปนั่งข้างหลัง อรวิลาสอ้าปากค้างและกำลังจะปรี๊ด วเรศเห็นก็รีบตัดบท
       “ไปกันได้แล้วอร รีบไปจะได้รีบกลับ พี่มีธุระต้องไปทำต่อ”
       วเรศขึ้นรถ อรวิลาสหงุดหงิดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เธอจำต้องขึ้นรถ แล้ววเรศก็ขับรถออกไป
     
       วเรศพาอรวิลาส เดินเข้าออกโรงเรียนสอนภาษาหลายแห่งที่สยามสแควร์ อรวิลาสไม่ถูกใจ เธอส่ายหน้าไม่ชอบ ส่วนเอมิกาเดินตามทั้งคต้อยๆด้วยความเซ็ง
     
       หนูอ้อยนั่งอยู่ในสวนของบ้านชื่นฤทัย เธอหันไปมาหยิบแก้วกาแฟของเล่นสองใบมาวางบนโต๊ะญี่ปุ่นเบื้องหน้าจุ่นที่ใส่ที่คาดผมมีโบว์อันใหญ่ ข้างๆชายใหญ่ที่ผูกหูกระต่ายนั่งอยู่
       “กาแฟค่ะคุณนาย” หนูอ้อยบอก
       จุ่นดัดเสียงแหลม “ขอบคุณมากค่ะ” จุ่นแกล้งทำเป็นจิบ
       “สามีของคุณนายดูสงบเสงี่ยมเรียบร้อยไม่พูดมากน่ารำคาญดีนะคะ” หนูอ้อยว่า
       จุ่นเอามือโอบชายใหญ่ “สามีดิฉัน ไม่พูดหรอกค่ะ ดีแต่เห่า”
       ชายใหญ่เห่าใส่หน้าจุ่น จุ่นสะดุ้ง
       ปองเทพที่แอบอยู่มองไปที่มือถือที่ห้อยอยู่ที่คอหนูอ้อยแล้วก็หันไปมองชายใหญ่
       “ศัตรูตัวฉกาจอยู่ด้วย ทำอะไรไม่สะดวกแน่” ปองเทพพึมพำ
       ปองเทพครุ่นคิดแล้วก็นึกออก เขาเดินออกมาแล้วพูดกับหนูอ้อย
       “ขอเล่นด้วยคนได้มั๊ยคร๊าบบบ”
       หนูอ้อยรีบบอก “ที่เต็มแล้ว”
       ชายใหญ่หันมาขู่ปองเทพ ปองเทพเอากระดูกของเล่นออกมาล่อชายใหญ่ ชายใหญ่ลุกขึ้นกระดิกหางชอบใจ ปองเทพปากระดูกออกไป ชายใหญ่รีบวิ่งตาม ปองเทพหันมาพูดกับหนูอ้อย
       “เหลือที่ว่างแล้ว”
       หนูอ้อยไม่พูดอะไร ปองเทพนั่งลงทันที
       “ถ้างั้นรอเดี๋ยว ฉันจะชงกาแฟมาให้” หนูอ้อยบอก
       หนูอ้อยหันหลังไปทำท่าชงกาแฟ ปองเทพหันไปกระซิบบอกจุ่น
       “นายไปเถอะ ฉันเล่นกับคุณหนูอ้อยเอง”
       จุ่นดีใจมาก “ขอบใจ”
       จุ่นเอาที่คาดผมใส่ให้ปองเทพแล้วลุกเดินออกไป หนูอ้อยหันมาเห็นก็ผงะเพราะปองเทพคาดผมแล้วทำท่าสาว
       “ไหนล่ะฮะกาแฟของเดี๊ยน” ปองเทพทำสาวแตก
       หนูอ้อยมองปองเทพด้วยสายตาพึงพอใจ
     
       ที่สยามสแควร์ วเรศหันไปทางอรวิลาส ส่วนเอมิกายืนอยู่ข้างหลัง
       “สนใจโรงเรียนไหนบ้างเหรอยัง” วเรศถาม
       “ยังไม่ถูกใจอรซักทีเลยค่ะ”
       เอมิกาเริ่มเมื่อยจึงแย๊บๆถาม “จริงเหรอคะคุณอร คุณอรดูมาเป็นสิบที่แล้วนะคะ ไม่มีที่ถูกใจบ้างเลยเหรอคะ”
       อรวิลาสหันขวับ “ฉันบอกว่าไม่ถูกใจก็คือไม่ถูกใจ เธอจะมารู้ดีไปกว่าฉันได้ไง”
       เอมิกาเงียบ อรวิลาสรู้ตัวว่าทำกิริยาไม่เหมาะสมจึงรีบหันไปทำหน้าแบ๊วใส่วเรศ
       “นี่ก็ใกล้เที่ยงแล้ว เราไปหาอะไรทานกันดีกว่า อรหิว”
       “แล้วอรจะทานอะไร?” วเรศถาม
       อรวิลาสทำท่าครุ่นคิด “อืมม..อะไรดีน้า”
       เอมิกาหันไปเห็นแว่นกำลังเดินสวนมาก็ตกใจสุดขีด เธอรีบหันหลังทันที
       เอมิกาพึมพำกับตัวเอง “แว่น!”
       “เพื่อนอรบอกว่าที่นี่มีร้านอาหารอิตาลีร้านหนึ่ง อร่อยม๊ากกก เราไปทานกันนะคะ” อรวิลาสชวน
       วเรศพยักหน้าแล้วเดินนำไป อรวิลาสเดินตามวเรศแต่เอมิกายังยืนหันหลังอยู่ที่เดิมเพราะกลัวแว่นเห็น พอหันไปก็พบว่าวเรศกับอรวิลาสเดินไปตามทางที่แว่นกำลังเดินมา เอมิกาตกใจมาก
       “เวรแล้วไง”
       เอมิการีบจ้ำตามวเรศกับอรวิลาสไป จังหวะที่แว่นใกล้จะเดินสวน อรวิลาสก็หันไปเห็นป้าย SALE หน้าร้านจึงตื่นตาตื่นใจและสนใจหยุดดู เอมิกาที่มัวแต่ก้มหน้าก้มตาหลบแว่น เดินผ่านหลังอรวิลาสแล้วตรงรี่เข้าไปคว้าแขนวเรศโดยที่ไม่ได้มองว่าเป็นใคร?
       “รีบไปเร็วค่ะ” เอมิกาบอก
       เอมิกาฉุดวเรศให้เดิน วเรศหันไปมองอย่างงงๆ แว่นเดินใกล้ถึงแต่กลับหยุดยืนหันหลังให้เอมิกากับวเรศที่เดินผ่านหลังไปแล้วหยิบมือถือมากดโทรออก
       “อยู่ไหน?”
       อรวิลาสยังยืนไม่รู้เรื่องรู้ราว
       “พี่ตั้มขา ขออรดูร้านนี้แป๊บนึงนะคะ” อรวิลาสบอกวเรศ
       แว่นเดินคุยโทรศัพท์มาด้านหลังของอรวิลาสพอดี อรวิลาสคว้าแขนแว่น แว่นชะงัก อรวิลาสเองก็ผงะ
       “เอ๊ะ..ทำไมแขนพี่ตั้มใหญ่ๆ”
       อรวิลาสหันไปก็เห็นแว่นยิ้มหวานให้
       “สวัสดีครับ”
       อรวิลาสตกใจมากจนรีบปล่อยมือ “ว๊าย!”
       อรวิลาสรีบเดินหนี แว่นยิ้มยืด
       “สงสัยจะตะลึงในความหล่อ” แว่วพูดกับตัวเอง
       อรวิลาสรีบผละออกจากแว่นแล้วมองหาวเรศกับเอมิกา
       “พี่ตั้มกับชะเอมไปไหนแล้ว?”
     
       เอมิกาจับแขนวเรศพาเดินมาตรงมุมหนึ่ง พอหันไปมองไม่เห็นแว่นแล้วก็โล่งใจ วเรศหรี่ตามองด้วยความสงสัย
       “กำลังหนีใครอยู่?”
       เอมิกาหันไปเห็นตัวเองกำลังจับแขนวเรศอยู่ก็ตกใจจึงรีบปล่อย เธอหันไปมองหาอรวิลาส
       “คุณอรล่ะคะ”
       “ไม่ต้องเปลี่ยนเรื่อง ท่าทางเธอดูลุกลี้ลุกลนแปลกๆ กำลังหนีใคร บอกฉันมา!”
       เอมิกาอึกอัก “เออ..อ่า..”
       วเรศจ้องหน้าพร้อมกับเดินเข้าหา เอมิกาถอยไปติดกำแพงและเหงื่อตก อรวิลาสเดินมาเห็นวเรศกับเอมิกาที่อยู่ใกล้กันพอดี อรวิลาสก็กำมือแน่นด้วยความโมโห
       “พี่ตั้ม!”
       วเรศกับเอมิกาหันไปเห็นอรวิลาส อรวิลาสรีบเดินมาดึงแขนวเรศให้ออกห่างเอมิกา
       “ทำไมถึงทิ้งอรไว้คนเดียว”
       เอมิการีบชิงตอบ “ไม่ได้ทิ้งนะคะ ฉันกับคุณตั้มกำลังตามหาคุณอรอยู่ต่างหากล่ะ” เอมิกาทำเป็นนึกได้ “อุ๊ย! ใกล้เที่ยงแล้ว รีบไปเถอะค่ะ เดี๋ยวร้านอาหารคนแน่น”
       วเรศมองเอมิกาแบบอึ้งๆที่เอมิกาสามารถแก้ตัวได้ แล้วเอมิกาก็เดินออกไปเลย
       “ทางนี้” อรวิลาสเรียก เอมิกาหันมา “ทำเป็นรู้ดี”
       เอมิกายิ้มแหย อรวิลาสกับวเรศเดินออกไป เอมิกาถอนหายใจอย่างโล่งอก



       วเรศกับอรวิลาสเดินนำเอมิกาเข้ามาในร้านอาหารอิตาเลียน พอเดินมาถึงโต๊ะอรวิลาสก็หันไปทางเอมิกา
       “แกไปนั่งตรงโน้นไป อยากกินอะไรก็สั่ง”
       “ให้ชะเอมทานกับเราด้วยก็ได้นี่” วเรศบอก
       อรวิลาสเหวอเพราะพูดไม่ออก วเรศหันไปบอกเอมิกา
       “นั่งสิ”
       เอมิกามองวเรศแล้วรู้สึกประทับใจ เธอหย่อนก้นลงนั่งข้างวเรศ วเรศนั่งตรงข้ามอรวิลาส พนักงานเอาเมนูมาให้ทั้งสามคน ระหว่างนั้นแว่นก็เดินเข้ามาในร้าน เอมิกาตกใจ
       เอมิกาพูดเสียงเบากับตัวเอง “ยังจะตามมาอีก”
       วเรศได้ยินก็หันมามอง เอมิการีบฉีกยิ้มแล้วเอาเมนูปิดหน้าพลางลอบมองแว่นไปด้วย เอมิกามองตามไปว่าแว่นจะไปนั่งตรงไหนทำให้ตัวของเธอค่อยๆเอนเข้าหาวเรศโดยไม่รู้ตัว อรวิลาสเอาแต่ก้มหน้าดูเมนูที่เป็นภาษาอังกฤษ อรวิลาสกลืนน้ำลาย
       อรวิลาสคิดในใจ “อ่านไม่ออกเลยอ่ะ มีแต่ภาษาอังกฤษทั้งนั้น” อรวิลาสเครียดมาก
       เอมิกาตัวเอนห่างจากวเรศแต่หันคอมองตามแว่นไป วเรศหันไปมองเอมิกาด้วยความแปลกใจ แล้วไหล่เอมิกาก็ชนเข้ากับไหล่วเรศ เอมิกาสะดุ้ง เธอหันไปจนหน้าใกล้วเรศมาก แล้วทั้งคู่ก็อึ้งกันไป อรวิลาสเงยหน้าขึ้นมาเห็นเอมิกาตัวเอนไปติดวเรศ โดยมีเมนูปิดหน้าเลยไม่เห็นหน้าเอมิกากับวเรศ อรวิลาสไม่พอใจ
       “ชะเอม!! พี่ตั้ม!! ทำอะไรกัน”
       เอมิการีบผละออกห่างวเรศแล้วเอาเมนูลง
       “เออ..ฉัน..” เอมิกาคิดหาคำแก้ตัว “ฉัน..จะถามคุณตั้มว่าอะไรอร่อยน่ะค่ะ”
       วเรศถามทันที “เธออยากทานอะไร?”
       อมิกาปรายตามองเห็นแว่นเดินมานั่งประจันหน้ากับเธอ โดยมีโต๊ะขวางประมาณสามสี่โต๊ะ เอมิกาหน้าเสีย”
       “ว่าไงชะเอม อยากทานอะไร?” วเรศถามย้ำ
       เอมิกาหันไปมองเมนูแล้วรีบตอบ “อ่า...เอา Fettuccine with mushroom cream sauce ค่ะ”
       วเรศผงะไปนิดนึง เขาหันไปมองเมนูที่มีแต่ภาษาอังกฤษแล้วก็คิดว่าเอมิกาสั่งได้ยังไง?! ส่วนอรวิลาสก็งงว่าทำไมเอมิกาอ่านออกเพราะเธอยังอ่านไม่ออกเลย วเรศไม่มีเวลาซักเอมิกามากเลยหันไปทางอรวิลาส
       “อรล่ะ ได้เหรอยัง”
       อรวิลาสปิดเมนู “อรเอาแบบพี่ตั้มแล้วกันค่ะ ง่ายดี”
       วเรศยกมือเรียกพนักงาน พนักงานเดินมา วเรศสั่งอาหาร เอมิกาลอบมองแว่น แว่นก็หันมาทางนี้ แล้วก็ดูเหมือนแว่นจะเห็นเอมิกา เอมิกาตกใจมากจึงรีบก้มหน้าก้มตา แว่นยิ้มแล้วลุกขึ้นเดินมาทางโต๊ะเอมิกา เอมิกาเหลือบตามองแว่นด้วยหน้าตาหน้าซีดหน้าเซียว อรวิลาสแปลกใจ
       “นังชะเอม...แกเป็นอะไร?!”
       “เออ..คือ..” เอมิกาไม่กล้าเงยหน้า”
       วเรศจ้องเอมิกาด้วยความสงสัยมากๆ แว่นเดินมาใกล้โต๊ะแล้วยกมือทักทาย
       “เฮ้ย!”
       เอมิการีบผลุบลงไปอยู่ใต้โต๊ะ วเรศมองเอมิกาด้วยความแปลกใจ อรวิลาสเองก็งง แต่แว่นกลับเดินเลยโต๊ะเอมิกาไปรับเพื่อน เอมิกาหันไปมองแล้วก็โล่งอก ก่อนจะเห็นว่าวเรศจ้องอยู่
       “ลงไปใต้โต๊ะทำไม?” วเรศถาม
       อรวิลาสก้มหน้าลงมามองเอมิกาใต้โต๊ะ เอมิกาสะดุ้ง
       “นั่นสิ แกลงไปใต้โต๊ะทำไม?”
       เอมิกาเงยหน้า “อ่า...ฉันทำของตกน่ะค่ะ”
       เอมิการีบก้มหน้าก่อนจะแกล้งทำเป็นหาของ อรวิลาสเงยน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าเซ็งๆ วเรศมองเอมิกาอย่างไม่เชื่อ เอมิกามีสีหน้าแย่มากแล้วก็พึมพำกับตัวเอง
       “ถ้าแว่นเห็นเราเมื่อไหร่ จบเห่”
       เอมิกาครุ่นคิด
     
       ปองเทพวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะแล้วเงยหน้ามองหนูอ้อย
       “ขอกาแฟอีกแล้วได้มั๊ยคะ” ปองเทพขอ
       “ดื่มกาแฟเยอะๆ ไม่ดีนะคะคุณนาย เพราะในกาแฟมีคาเฟอีน มันเป็นสารเสพติดอย่างหนึ่ง” หนูอ้อยว่า
       “ช่วงนี้เดี๊ยนทำงานหนัก ไม่พึ่งกาแฟคงไม่ไหว แล้วกาแฟของคุณหนูอ้อยก็อร๊อยอร่อย”
       หนูอ้อยยิ้มปลื้ม “งั้นรอซักครู่”
       หนูอ้อยหันไปทำท่าชงกาแฟ เธอเอาน้ำเทใส่แล้วส่งให้ปองเทพ ปองเทพรับมาแล้วแกล้งสาดน้ำใส่โดนมือถือของหนูอ้อย หนูอ้อยตกใจมาก
       “อุ๊ย! พี่ขอโทษ รีบเอามือถือออกมาเช็ดเร็ว” ปองเทพบอก
       ปองเทพยื่นมือมาจับมือถือแต่เจอหนูอ้อยจิ้มตาทั้งสองข้าง ปองเทพสะดุ้ง
       “อ๊ากก!”
       “คิดจะขโมยมือถือหนูอ้อยเหรอ? มันไม่ง่ายหรอก”
       หนูอ้อยลุกเดินออกไป ปองเทพยกมือปิดตาด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขาลุกขึ้นยืนแต่มองไม่เห็นเลยเดินชนต้นไม้ดังโครม!!
     
       พนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ วเรศกำลังจะทาน จู่ๆ อรวิลาสก็ยกมือขึ้น
       “เดี๋ยวค่ะพี่ตั้ม”
       วเรศอ้าปากค้าง เขาวางช้อนแทบไม่ทัน
       “ขออรถ่ายรูปลงเฟซก่อน”
       อรวิลาสดึงจานอาหารของวเรศมาวางคู่กับจานของตัวเองแล้วถ่ายรูป วเรศมองแบบเบื่อๆ เขาหันไปก็ไม่เห็นเอมิกาที่ใต้โต๊ะแล้ว วเรศตกใจว่าเอมิกาอยู่ที่ไหน เขาหันซ้ายหันขวา เอมิกาค่อยๆโผล่หน้าขึ้นมาที่ด้านหลังวเรศ เธอใช้วเรศเป็นกำบังเพื่อลอบมองแว่น อรวิลาสไม่ได้สนใจเพราะเอาแต่ถ่ายรูปแล้วก็โพสลงเฟซบุ๊ค วเรศแปลกใจที่หาเอมิกาไม่เจอ
       “หายไปไหน?”
       แล้ววเรศก็รู้สึกถึงลมหายใจที่รดต้นคอ วเรศหันไปเจอเอมิกาก็ตกใจ
       “เฮ้ย!”
       เอมิกาสะดุ้ง อรวิลาสเงยหน้ามอง
       “มาทำลับๆล่อๆอะไรข้างหลังฉัน” วเรศถาม
       เอมิกาอึกอัก “เออ..อ่า....”
       เอมิกาแก้ตัวไม่ถูก แว่นหันมาเห็นเอมิกาเข้าก็ชะงัก เขาพยายามเพ่งมองว่าใช่รึเปล่า เอมิกาเห็นแว่นมองมาทางตัวเองก็รีบหันไปบอกวเรศ
       “ตอนแรกฉันนึกว่ากระเป๋าตังค์ฉันหล่นใต้โต๊ะ แต่ไม่มี สงสัยจะตกอยู่ระหว่างทาง ฉันขอไปหาก่อนนะคะ”
       เอมิการีบออกไป วเรศมองตามด้วยความสงสัย อรวิลาสแบะปาก
       “พี่ตั้มไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ทานกันเถอะค่ะ”
       วเรศยังคงสงสัยไม่เลิก



       เอมิกาออกมายืนหอบเพราะลุ้นจนหายใจเกือบไม่ออก ทันใดนั้นก็มีมือมาสะกิดไหล่เธอ เอมิกาหันไปแล้วก็ตกใจสุดขีด
       “เฮ้ย!”
       แว่นยืนยิ้มให้เธออยู่ เอมิกาอึ้ง
       “จ๊ะเอ๋” แว่นทัก
       “แว่น” เอมิกาทำเป็นยิ้ม “แหม...บังเอิญจังเลยเนอะ ไปไหนไม่เคยเจอ ดั๊นมาเจอที่นี่พอดี๊พอดี”
       “แบบนี้เค้าเรียก พรหมลิขิตบันดาลชักพา คิกคิก แว่นเห็นเอมในร้านอาหาร เอมมากับใคร? อย่าบอกนะว่าแฟนใหม่”
       “ไม่ใช่..เพื่อนน่ะ”
       “งั้นก็แล้วไป” แว่นจับมือเอมิกาโดยที่เธอไม่ทั้นตั้งตัว “แว่นอยากให้เอมรู้นะว่าถึงแม้เอมจะเป็นแฟนกับป่อง แต่แว่นก็ยังรอเอมเสมอ” แว่นปล่อยมือ “ซารังเฮโย”
       แว่นทำท่าหัวใจพร้อมส่งจูบให้เอมิกา เอมิกาหน้าแหยมากแต่ก็พยายามฝืนยิ้ม แล้วแว่นก็เดินไป เอมิกาโล่งอก
     
       เวลาผ่านไป เอมิกาหิ้วถุงสามใบเดินมา ส่วนวเรศกับอรวิลาสลงจากรถ
       “โอ้ยยยย..เหนื่อยที่สุดเลย เมื่อยขาไปหมดแล้ว” อรวิลาสบ่นไปก็สะบัดรองเท้าไปอย่างไม่ใส่ใจกับภาพลักษณ์ตัวเอง “นังชะเอมเอารองเท้าฉันไปเก็บด้วย เก็บดีๆนะ อย่าใส่ผิดกล่องหล่ะ”
       เอมิกาไล่ตามเก็บรองเท้าอรวิลาส “ค่ะ”
       วเรศยังมองเอมิกาหน้านิ่งๆ จนเอมิกาแปลกใจว่าเขามองอะไร อรวิลาสเห็นวเรศเอาแต่มองเอมิกาก็เดินมาบังสายตาวเรศแล้วหันไปทางเอมิกา
       “เอาของไปเก็บในห้องฉัน” อรวิลาสสั่ง
       เอมิการีบเดินออกไปทันที อรวิลาสหันมาทางวเรศ
       “พี่กลับก่อนนะอร” วเรศบอก
       “ค่ะ” อรวิลาสยกมือโบก “บายค่ะ”
       วเรศเดินไปจะขึ้นรถขับออกไป ทันทีที่อรวิลาสเข้าไปในบ้านแล้ว วเรศก็หยุดแล้วมองเข้าไปตัวบ้านด้วยสีหน้าครุ่นคิด
     
       ชื่นฤทัย และพีรพลที่กำลังตัดแต่งกิ่งบอนไซ นั่งอยู่กับอรวิลาส
       “พี่ตั้มพาอรไปชอปปิ้ง แล้วก็ทานข้าวค่ะ” อรวิลาสเล่า
       พีรพลทำเป็นก้มหน้าก้มตาแต่จริงๆ แล้วตั้งใจฟัง ชื่นฤทัยมองอรวิลาส
       ชื่นฤทัยถามต่อ “แล้ว....?”
       อรวิลาสงง “แล้ว....”
       “ลูกกับตั้มไปไหนกันต่ออีก”
       “ก็แค่นั้นแหละค่ะคุณแม่”
       “โธ่..ลูกนะลูก โอกาสอยู่ในมือแล้วแท้ๆ กลับไม่ฉวยเอาไว้ นี่ต้องให้แม่จัดการให้ทุกเรื่องเลยรึไง”
       อรวิลาสจ๋อย พีรพลเหลือบมองอรวิลาสด้วยความสงสาร แล้วชื่นฤทัยก็หันมาทางพีรพล พีรพลสะดุ้งโหยง
       “เพราะคุณนั่นแหละที่สั่งให้ชะเอมไปด้วย ไม่งั้นป่านนี้หลานตั้มกับน้องอรอาจจะได้ไปดูหนัง ฟังเพลงกันต่อ”
       พีรพลพูดไม่ออก ระหว่างนั้นหนูอ้อยก็เดินออกมา อรวิลาสหันไปเห็นมือถือที่ห้อยคอหนูอ้อยก็แปลกใจ หนูอ้อยเดินมาหาอรวิลาส
       “พี่อร..หนูอ้อยอยากดื่มน้ำส้ม ไปเอาให้หนูอ้อยที”
       อรวิลาสชะงัก พีรพลกับชื่นฤทัยมองหนูอ้อยอย่างอึ้งๆ
       “หนูอ้อย ไปใช้พี่เค้าแบบนั้นได้ยังไง” พีรพลว่า
       “พี่อรเค้าเต็มใจทำให้หนูอ้อย” หนูอ้อยหันไปมองอรแล้วจับมือถือขู่ “จริงมั๊ย”
       อรวิลาสรู้ทันทีว่าปองเทพทำไม่สำเร็จ เธอจำต้องฉีกยิ้มกว้าง
       “จริงจ๊ะ” อรวิลาสรับคำ ชื่นฤทัยกับพีรพลงง “รอพี่อรเดี๋ยวนะ”
       หนูอ้อยพยักหน้า อรวิลาสเดินออกไปจากหน้ายิ้มของเธอเปลี่ยนเป็นไม่พอใจและกำมือแน่น
       ชื่นฤทัยงง “ดีกันตั้งแต่เมื่อไหร่”
       หนูอ้อยนั่งยิ้มแต่ไม่ตอบอะไร
     
       ชื่นฤทัยหันมาทางพีรพลเพื่อจ้องจับผิด
       “สารภาพมาซะดีดีคุณพี ว่าคุณจงใจจะกีดกันหลานตั้มกับน้องอรใช่มั๊ย”
       พีรพลสะดุ้ง เขาเหลือบตามองชื่นฤทัยด้วยสีหน้าแย่มาก
       “คุณชื่นผมว่าเรื่องนี้ปล่อยให้เด็กๆเค้าตัดสินใจเองเถอะ ตบมือข้างเดียวมันไม่ดัง ถ้าเราไปฝืน มันจะยิ่งแย่”
       “พูดแบบนี้ แสดงว่าไม่อยากให้หลานตั้มลงเอยกับน้องอร ทำไม?!! ลูกสาวฉันไม่ดีตรงไหน”
       “ไม่ใช่ไม่ดี...น้องอรแกก็น่ารัก แต่...”
       ชื่นฤทัยสวนขึ้นมาทันที “ไม่มีคำว่าแต่!! หลานตั้มเป็นผู้ชายคนเดียวที่จะได้ลูกเขยฉัน และคุณต้องหาทางทำยังไงก็ได้ ให้ต่อไปนี้หลานตั้มมาบ้านเราทุกวัน”
       พีรพลชะงัก ชื่นฤทัยเดินออกไป พีรพลถอนหายเฮือกใหญ่ด้วยความกลุ้มใจ
     
       เอมิกากำลังเดินกลับมาที่ห้องพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
       “การปลอมตัวนี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายซักนิด” เอมิกาหยุดเดินแล้วบิ้วตัวเอง “ห้ามท้อนะเอมิกา อย่าลืมว่าเธอเข้ามาที่นี่เพราะอะไร?!! เรียนรู้ชีวิต เรียนรู้ชีวิต ?”
       เอมิกาหันไปเห็นวเรศยืนอยู่ก็สะดุ้งเฮือกอย่างแรงเพราะกลัววเรศได้ยินที่ตัวเองพูด
       “คุณตั้ม!! นี่คุณยังไม่กลับไปอีกเหรอ”
       วเรศเดินมาตรงหน้าเอมิกา “ฉันมีเรื่องอยากถาม” เอมิการะแวงและระวังทันที “ไอ้อ้วนใส่แว่นที่คุยกับเธอเป็นใคร?”
       เอมิกาอ้าปากค้างด้วยความตกใจ เธอนึกถึงตอนที่วเรศยืนมองเอมิกาที่กำลังหนีแว่น ตอนที่แว่นคุยกับเอมิกา ตอนที่แว่นจับมือและประคองเธอ แล้วเอมิกาก็มีสีหน้าตื่นตะลึง
       “คุณตามฉัน?”
       “ตอบฉันมาว่าเค้าเป็นใคร? ทำไมเธอต้องหนีเค้าด้วย” วเรศคิดนิดนึง “หรือว่าเค้าเป็นเจ้าหนี้เธอ?” วเรศตกใจเอง “นี่เธอเล่นพนันเหรอ?”
       เอมิกาทำโวยวาย “โอ๊ย!คุณตั้ม พ่อฉันยังไม่ซักมากขนาดนี้เลย”
       “พ่อเธอเค้าตามเธอไม่ทันน่ะสิ หรือไม่..เค้าก็ไม่สนใจเธอ”
       เอมิกาลอยหน้าลอยตาทำกวนใส่ “งั้นก็แสดงว่าคุณสนใจฉันงั้นสิ”
       วเรศผงะ “ฉันตามเธอทันต่างหากชะเอม!! บอกฉันมาได้แล้วว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?”
       เอมิกาตอบแบบนิ่งๆ “เค้าเป็นเพื่อน”
       “เธอนี่มีแต่เพื่อนผู้ชาย”
       เอมิกาอึกอักเพราะไปไม่ถูก วเรศเอามือยันประตูทั้งสองข้าง โดยเอมิกาอยู่ตรงกลาง เอมิกาใจเต้นแรง
       “ฉันจะไม่สนใจว่าในอดีตเธอเคยทำอะไรมาบ้าง ซึ่งมันอาจจะมากกว่าโคโยตี้”
       เอมิกาฉุน “นี่คุณยังคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบนั้นอยู่อีกเหรอ?”
       “ก็พฤติกรรมของเธอที่ฉันเห็น มันชวนให้ฉันคิดแบบนั้น ในบ้านเธอก็มีคนใช้อาแป๊ะ ข้างนอกเธอก็มีไอ้อ้วน ความต้องการของเธอมันดูจะเพิ่มมากขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าเธอคิดจะจับอาพีเพื่อหวังว่าจะสบายไปตลอดชาติล่ะก้อ” วเรศว่า เอมิกาอึ้ง “ฉันบอกตรงนี้เลยว่าเธอคิดผิด!! อย่าทำอะไรที่มันเป็นการเสี่ยงกับตัวเอง ฉันไม่อยากทำลายอนาคตของเธอ”
       วเรศยื่นหน้ามาจ้องตาเอมิกาแล้วก็เดินออกไป เอมิกาเครียดสุดๆ
       “ไปกันใหญ่แล้วคุณตั้ม!”
       บรรจงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขาครุ่นคิดแผนชั่วร้ายออกมาแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก



       อรวิลาสกำลังแว๊ดใส่ปองเทพ
       “ทำไมนายยังไม่ขโมยมือถือนังอ้อย?!!”
       “ผมพยายามแล้ว แต่ไม่สำเร็จ”
       อรวิลาสโมโห “แล้วทำไมถึงไม่พยายามมากกว่านี้”
       ปองเทพชักฉุน “ก็แล้วทำไมคุณไม่ทำเอง”
       “ฉันเป็นเจ้านาย อย่ามาขึ้นเสียง”
       ปองเทพนึกขึ้นได้ก็รีบสงบปากสงบคำ
       “ฉันทนให้นังอ้อยจิกหัวใช้ไม่ได้อีกแล้ว วันนี้ทุกอย่างต้องจบ” อรวิลาสครุ่นคิด “เวลาเดียวที่หนูอ้อยจะเอามือถือออกจากตัวคือตอนอาบน้ำ”
       “แล้วตอนนอนคุณหนูอ้อยเค้าไม่เอามือถือออกเหรอไง?”
       “มือถือเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 ของนังอ้อย หรือพูดง่ายๆ เหมือนเป็นเนื้องอก ต้องอยู่ติดตัวตลอดเวลา” อรวิลาสดูนาฬิกาข้อมือ “นี่ใกล้เวลาที่มันจะอาบน้ำแล้ว”
       ปองเทพถอนหายใจและมีสีหน้าเป็นกังวล
     
       อรวิลาสเปิดประตูเข้ามาในห้อง เธอยื่นหน้าเข้ามามองแต่ก็ไม่เห็นหนูอ้อย เสียงหนูอ้อยร้องเพลงดังออกมาจากห้องน้ำ อรวิลาสรีบเข้ามา ปองเทพเดินตามมาติดๆ
       “รีบหามือถือเร็วเข้า” อรวิลาสสั่ง
       อรวิลาสกับปองเทพช่วยกันหามือถือกันคนละมุม แล้วก็ถอยหลังมาชนกันเอง ทั้งสองสะดุ้งแล้วหันมา
       อรวิลาสตีแขนปองเทพดังเพี๊ยะ! “ระวังหน่อยสิ”
       ปองเทพลูบแขนด้วยความเจ็บ อรวิลาสหันไปมองหามือถือต่อ
       “ไม่มี สงสัยจะเอาเข้าไปในห้องน้ำด้วย” อรวิลาสบอก
       “แล้วเราจะเข้าไปเอามือถือออกมาได้ยังไง?”
       อรวิลาสครุ่นคิดแล้วก็นึกอะไรออก
     
       มือถือวางอยู่ที่อ่างล้างมือในห้องน้ำ หนูอ้อยแช่อ่างน้ำและร้องเพลงอย่างมีความสุข ระหว่างนั้นอรวิลาสก็เปิดประตูเข้ามา
       “หนูอ้อยจ๋า”
       หนูอ้อยหันไปมองอรวิลาสอย่างหวาดระแวง อรวิลาสเหล่มองมือถือแล้วก็เดินมาใกล้หนูอ้อย
       “พี่อรมีไร?” หนูอ้อยถาม
       “พี่อรจะเข้ามาถูหลังให้หนูอ้อยน่ะสิ”
       “จริงเหรอ?”
       “อือ...” อรวิลาสหยิบแปรงขัดตัวขึ้นมา “มามะ..น้องสาวคนดีที่น่ารักของพี่ หันหลังให้พี่เร้ว”
       หนูอ้อยยิ้มดีใจ อรวิลาสลากเก้าอี้เตี้ยๆมานั่งพลางหันไปมองปองเทพที่กำลังย่องเข้ามา อรวิลาสบุ้ยใบ้ให้เขาไปทางอ่างล้างมือ ปองเทพหันไปมองแล้วก็พยักหน้า
       “หนูอ้อยดีใจนะที่พี่อรมาขัดหลังให้”
       “จ้า...” อรวิลาสพูดเสียงเบา “ฉันไม่ได้อยากทำให้แกนักหรอก”
       “พี่อรพูดไร”
       “เออ..พี่บอกว่าพี่อยากทำแบบนี้ให้หนูอ้อยนานแล้ว”
       หนูอ้อยมีความสุขมาก อรวิลาสมองหนูอ้อยด้วยความรำคาญ ปองเทพหยิบมือถือหนูอ้อยขึ้นมาแล้วกำลังจะออกไปแต่กลับลื่นล้ม ปองเทพเจ็บก้นกบแต่ไม่กล้าร้อง เขาจำต้องกำหมัดขึ้นมายัดใส่ปากตัวเองทั้งๆ ที่มีสีหน้าเจ็บปวด อรวิลาสอึ้ง หนูอ้อยได้ยินเสียง
       “เสียงไรอ่ะ”
       “เสียงอาไร้..ไม่มี๊!” อรวิลาสรีบปฏิเสธ
       “แต่หนูอ้อยได้ยินจริงๆนะ”
       หนูอ้อยจะหันไป แต่อรวิลาสจับหน้าไว้ไม่ให้หัน
       “นิ่งๆสิหนูอ้อย เดี๋ยวพี่อรขัดหลังให้หนูอ้อยไม่สะอาด”
       อรวิลาสหันไปพูดกับปองเทพแบบไม่ออกเสียง
       “ออกไปเร็วๆ”
       ปองเทพเจ็บก้นเลยเดินออกลำบากแต่เขาก็พยายามคลานออกไป อรวิลาสโล่งอก เธอหันมายิ้มร้ายลับหลังหนูอ้อย
       “ฉันเมื่อยแหละ ขัดเองแล้วกัน”
       อรวิลาสโยนที่ขัดตัวไปข้างๆหนูอ้อยแล้วเดินออกไป หนูอ้อยหันไปมองตามด้วยความงง
     
       ปองเทพยื่นมือถือหนูอ้อยให้อรวิลาส อรวิลาสยิ้มอย่างมีความสุข เธอรีบกดเปิดรูป ปองเทพก็อยากเห็น
       “ขอดูหน่อยได้ป่ะ” ปองเทพชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ๆ
       อรวิลาสตบหน้าปองเทพ ปองเทพตกใจ
       “เฮ้ย!! ตบหน้าผมไมเนี่ย?”
       “ก็จะดูทำไมล่ะ”
       “เอ้า..พูดดีดีก็ได้ เอะอะใช้กำลังตลอด” ปองเทพว่า
       อรวิลาสไม่สนใจ เธอกดลบรูป ปิดเครื่อง แล้วเอาซิมออกมา
       “ต้องเอาซิมไปทำลายเพื่อความชัวร์ว่ารูปจะไม่หลุด” อรวิลาสบอก
       “คุณแน่ใจได้ไงว่าคุณหนูอ้อยจะไม่ได้เอารูปลงคอมฯ”
       “เด็กนั่นคิดอะไรชั้นเดียว ไม่คิดอะไรซับซ้อนหรอก”
       อรวิลาสพูดจบก็เดินออกไป ปองเทพได้แต่ถอนหายใจ
       “ผู้หญิงแบบนี้ ใครได้เป็นเมียคงซวยไปตลอดชาติ เฮ้อ”
     
       หนูอ้อยนุ่งผ้าขนหนูยืนอยู่ตรงอ่างล้างมือ เธอมีสีหน้าตื่นตกใจ
       “มือถือ...!!”
       หนูอ้อยครุ่นคิดแล้วก็นึกออกทันทีว่าเป็นฝีมือใคร เธอกำมือแน่นด้วยความโกรธสุดๆ
     
       ชื่นฤทัยนั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ พีรพลกับอรวิลาสนั่งตรงข้ามกัน เอมิกา สมพิศ และนากกำลังเสิร์ฟอาหารเย็นระหว่างนั้นหนูอ้อยก็เดินจ้ำเข้ามาด้วยสีหน้าเอาเรื่องสุดๆ
       “พี่อร! เอามือถือหนูอ้อยคืนมา”
       ทุกคนหันไปมองหนูอ้อยด้วยความแปลกใจ อรวิลาสทำเป็นยิ้มซื่อเหมือนไม่เข้าใจ
       “มือถือหนูอ้อยจะมาอยู่ที่พี่อรได้ยังไงล่ะคะ”
       “พี่อรเข้าไปในห้องหนูอ้อยเมื่อกี๊” หนูอ้อยบอก
       “พี่เข้าไปในห้อง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่เป็นคนเอามือถือหนูอ้อยไป”
       เอมิกา นาก และสมพิศมองเหตุการณ์นี้แบบใจคอไม่ดี
       “หนูอ้อย..ลูกจะมาปรักปรำพี่เค้าลอยๆไม่ได้ มันต้องมีหลักฐาน ลูกมีรึเปล่า” ชื่นฤทัยถาม
       “ไม่มี!! แต่หนูอ้อยรู้ว่าพี่อรเป็นคนเอาไป เพราะในมือถือหนูอ้อยมีรูปที่พี่อรจูบปากกับพี่ป่อง!”
       เอมิกาช็อค นากกับสมพิศก็ตกใจ พีรพลกับชื่นฤทัยชะงัก อรวิลาสไม่พอใจอย่างแรง เธอลุกขึ้นแล้วเดินมาประจันหน้ากับหนูอ้อย
       “อย่ามาพูดมั่วๆ พี่กับคนใช้บ้านน้าแป๊ะเนี่ยนะ! อย่ามาสร้างเรื่องโกหกหน่อยเลย ไม่มีใครเค้าเชื่อแกหรอก”


หนูอ้อยโมโหมาก เธอเข้ามาผลักอรวิลาสอย่างแรงจนอรวิลาสเซ ทุกคนตกใจ ชื่นฤทัยลุกขึ้นยืน
       “หนูอ้อย!!” พีรพลพูดขึ้น
       อรวิลาสกำมือแน่นเข้ามาจะจัดการ แต่หนูอ้อยวิ่งไปหลบใต้โต๊ะ อรวิลาสก้มลงไปมอง
       “ออกมา!”
       หนูอ้อยแลบลิ้นใส่ อรวิลาสมุดโต๊ะจะเข้าไปจับ หนูอ้อยคลานหนี อรวิลาสรีบตามทำให้หัวโขกโต๊ะดังโป๊ก! อรวิลาสรีบตามออกไปตะครุบตัวหนูอ้อย หนูอ้อยหันมาตบตีอรวิลาสไม่หยุดพร้อมกับจิกผมด้วย
       “อ๊าย!! หยุดนะ! โอ๊ย!”
       อรวิลาสไม่ยอม เธอดึงหางเปียหนูอ้อยเพื่อเอาคืน หนูอ้อยกรี๊ด พีรพลเข้าไปคว้าตัวหนูอ้อยแล้วอุ้มขึ้นมา ชื่นฤทัยหันไปทาง เอมิกา นาก และสมพิศ
       ชื่นฤทัยสั่ง “รีบเข้าไปช่วยคุณพี”
       เอมิการีบเข้าไปขวางอรวิลาส นาก และสมพิศล็อคแขนอรวิลาสเอาไว้
       “คุณพ่อปล่อยหนูอ้อย!! ปล่อย..ปล่อย”
       พีรพลสั่ง “หนูอ้อย อย่าก้าวร้าว!!”
       หนูอ้อยดิ้นแรงมาก อรวิลาสผมเผ้ากระเซิงและหัวเสียสุดๆ
       “ปล่อยหนูอ้อยนะ ปล่อย !”
       พีรพลสุดทนจึงตวาดเสียงดังลั่น
       “หยุดได้แล้วหนูอ้อย!”
       หนูอ้อยไม่หยุดดิ้นและยังคงแหกปาก พีรพลเงื้อมือตีก้นหนูอ้อยอย่างแรงด้วยความไม่ได้ตั้งใจ ทุกคนผงะ และเงียบ พีรพลเองก็อึ้ง หนูอ้อยช็อค พีรพลรีบวางหนูอ้อยลงบนพื้นด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
       “หนูอ้อย..พ่อขอโทษ..”
       หนูอ้อยทั้งโกรธและเสียใจจนร้องไห้แล้วเธอก็วิ่งออกไป อรวิลาสยิ้มมุมปากอย่างสะใจแล้วหันไปทางนากกับสมพิศ
       “ปล่อย!!” อรวิลาสสั่ง
       นากกับสมพิศสะดุ้งโหยงและรีบปล่อยมือ เอมิกาหันไปมองหนูอ้อยด้วยสีหน้าเป็นห่วง
     
       หนูอ้อยนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่บนเตียง เธอยกมือปาดน้ำตาเป็นระยะๆ เอมิกาค่อยๆเปิดประตูเข้ามาพร้อมถาดอาหาร เอมิกาเห็นหนูอ้อยร้องไห้ก็พยายามทำเสียงร่าเริง
       “คุณหนูอ้อย พี่เอาข้าวมาให้ค่ะ”
       เอมิกาวางถาดอาหารลงบนโต๊ะ หนูอ้อยหันมาเอาตุ๊กตาปาใส่หัวเอมิกาเต็มๆ
       หนูอ้อยตวาดลั่น “ออกไป!!”
       เอมิกาพยายามหายใจเข้าออกเพื่ออดกลั้น แล้วเธอก็ยิ้มก่อนจะเดินเข้าไปหา
       “ทานข้าวเถอะนะคะ”
       หนูอ้อยหันมาแว๊ดใส่ “ไม่กิน!! เอาออกไป แล้วพี่ชะเอมก็ออกไปด้วย!!”
       “คุณหนูอ้อยไม่ทานไม่ได้นะคะ เดี๋ยวจะเป็นโรคกระเพาะ”
       “ให้เป็นไปเลย เป็นเยอะๆจะได้ตายๆไปซะ”
       เอมิกาตกใจ “ทำไมคุณหนูอ้อยแช่งตัวเองแบบนี้ล่ะคะ” หนูอ้อยเงียบ “แค่มือถือเครื่องเดียว แล้วอีกอย่างมือถือมันก็ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต”
       “แต่มันเป็นชีวิตของหนูอ้อย ถ้าไม่มีมือถือ หนูอ้อยจะแชตกับเพื่อนได้ไง”
       “หนูอ้อยมีคุณพ่อคุณแม่ หนูอ้อยก็คุยกับท่านสิคะ”
       “พ่อกับแม่ไม่มีเวลาให้หนูอ้อย ไม่เคยสนใจหนูอ้อย” หนูอ้อยเสียใจมาก “หนูอ้อยเกลียดพ่อเกลียดแม่”
       เอมิกาอึ้งและสงสาร “ห้ามพูดว่าเกลียดคุณพ่อเกลียดคุณแม่นะคะ มันบาป ชาติหน้าระวังจะเกิดเป็นเปรต”
       หนูอ้อยผงะ “เปรตคืออะไร?”
       “เปรตคือคนที่ตายไปแล้ว มีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ผิวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม และจะหิวอยู่ตลอดเวลาเพราะว่ากินอะไรไม่ได้”
       หนูอ้อยฟังแล้วก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
       “หนูอ้อยขอโทษ หนูอ้อยจะไม่ว่าพ่อกับแม่แล้ว ทันมั๊ยค่ะพี่ชะเอม”
       เอมิกายิ้ม “ทันค่ะ หนูอ้อยสำนึกผิด เพราะฉะนั้นก็ไม่เกิดเป็นเปรต ตอนนี้ทานข้าวได้แล้วนะคะ พี่จะอยู่เป็นเพื่อน”
       หนูอ้อยพยักหน้าแล้วเดินมานั่งข้าว เอมิกายิ้มด้วยความสบายใจขึ้น
     
       นากนอนกรนอยู่ข้างๆ เอมิกาพร้อมทั้งนอนแบบกางแขนกางขา เอมิกากำลังนั่งคลุมโปงพิมพ์ข้อความลงในแทปเล็ต เสียงเอมิกาพูดเบาๆ
       “หนูอ้อยเด็ก6ขวบที่เอาแต่ใจและ ขาดความอบอุ่น ติดมือถือเป็นชีวิตจิตใจเมื่อขาดการ ดูแลเอาใจใส่จากพ่อและแม่ ก็เลยชดเชยความรักที่ขาดหายไปด้วยวัตถุสิ่งของ”
       เอมิกาถอนหายใจแล้วปิดแทปเล็ต ก่อนจะวางไว้ใต้หมอนแล้วล้มตัวลงนอน นากพลิกตัวเอาขามาก่ายเอมิกา เอมิกาหันไปมองนากแบบปลงๆ
     
       เช้าวันถัดมา อรวิลาสหันมาทางบรรจงด้วยสีหน้าไม่พอใจ
       “เมื่อวานแกเห็นพี่ตั้มแอบคุยกับชะเอม?” อรวิลาสทวนคำของบรรจง
       “เจ้าค่ะ จงเห็นเต็มสองตา แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้ยินว่าคุยอะไรกัน” บรรจงบอก
       “ไหนพี่ตั้มบอกว่าจะกลับบ้าน แล้วย้อนกลับมาอีกทำไม?”
       “คุณตั้มกลัวคุณอรรู้ยังไงล่ะเจ้าคะ ก็เลยต้องหลบๆซ่อนๆ นังชะเอมมันร้ายลึก จงล่ะกลั๊วกลัวคุณตั้มจะโดนมันสอย เพราะขนาดพี่จุ่นของจง มันยังอ่อยตั้งแต่วันแรกที่มันเข้ามาทำงาน แล้วผู้ชายดีดีอย่างคุณตั้ม มีเหรอคะที่มันจะไม่แล”
       อรวิลาสกลัวขึ้นมาทันที “แกพูดถูก ถ้าพี่ตั้มไม่ชอบฉัน คุณแม่ต้องด่าฉันแน่ ฉันจะทำยังไงดี?”
       “ของอย่างเงี้ยต้องตัดไฟตั้งแต่ต้นลมเจ้าค่ะ” อรวิลาสหันไปมอง บรรจงพูดต่อ “เราต้องร่วมมือกันทำให้นังชะเอมถูกไล่ออก!”
       อรวิลาสคิดตามและเห็นด้วย เธอหันไปมองบรรจงแล้วยิ้ม



       ปองเทพมองหน้าเอมิกาด้วยสีหน้าตื่นตระหนกตกใจ
        “เราไม่ได้จูบคุณอรนะเอม เราเห็นคุณอรจมน้ำ ก็เลยผายปอดให้ แต่คุณหนูอ้อยถ่ายรูปเอาไว้ คุณอรก็เลยให้เราไปขโมยมือถือคุณหนูอ้อย”
        เอมิกาอึ้ง “นี่แสดงว่าที่คุณหนูอ้อยบอกว่าคุณอรเป็นคนเอามือถือไปก็เป็นความจริง” ปองเทพพยักหน้า “แล้วทำไมป่องไม่เล่าเรื่องนี้ให้เราฟัง”
       “ก็เราเห็นว่ามันไม่มีอะไร ก็เลยไม่ได้สนใจ”
        “เราไม่ได้หมายถึงเรื่องป่องกับคุณอร เราหมายถึงเรื่องที่คุณอรให้ป่องขโมยมือถือหนูอ้อย ทำแบบนี้มันไม่ดีเลยนะป่อง”
       ปองเทพจ๋อย “เรารู้ เราขอโทษ ต่อไปนี้เราจะบอกเอมทุกเรื่องเลยนะ”
        เอมิกาพยักหน้า ระหว่างนั้นบรรจงก็เดินมาหา
       “ชะเอม” บรรจงเรียก
        เอมิกากับปองเทพหันไป
       “มาทำลับๆล่อๆ แอบคุยอะไรกัน คุณชื่นเรียกให้แกเข้าไปพบเดี๋ยวนี้!”
        เอมิกาแปลกใจก่อนจะหันไปทางปองเทพ ปองเทพพยักหน้า เอมิกาเดินออกไป ปองเทพหันมาแล้วก็สะดุ้งกับสายตาของบรรจงที่มองเขาแบบเหยียดๆ แล้วบรรจงก็เดินบิดก้นออกไป ปองเทพอ้าปากค้าง
     
        เอมิกามองหน้าชื่นฤทัยกับอรวิลาสด้วยความตกใจ
       “คุณชื่นจะให้ฉันไปเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของคุณอร?!”
       “ใช่” ชื่นฤทัยตอบ เอมิกาหน้าเหวอมาก “เธอมีปัญหาอะไรรึเปล่าชะเอม”
       “อ่า..ไม่มีปัญหาค่ะ” เอมิกาตอบ
       “ไม่มีก็ดี แสดงว่าเธอทำงานเข้าตาลูกสาวฉันมาก เพราะปกติน้องอรจะไม่ถูกใจใครง่ายๆ”
        เอมิกายิ้มแหย พอหันไปเจอสายตาอรวิลาสที่มองเธอแบบจิกๆ ก็ยิ่งใจเสีย
       “วันนี้ฉันจะออกไปชอปปิ้ง เตรียมตัวไปกับฉัน”
       เอมิการับคำ “ค่ะ”
        เอมิกานิ่งไปเพราะรู้สึกใจคอไม่ดี
     
        บรรจงเอามีดอีโต้สับหัวปลาอย่างแรง เธอหันไปมองเอมิกาที่นั่งอยู่กับนาก สมพิศ และจุ่นแล้วก็ยิ้มมุมปาก เอมิกาดูจ๋อยๆ เพราะเป็นกังวล นากรีบเข้าไปถาม
       “คุณชื่นเรียกน้องชะเอมไปทำไม?”
        บรรจงเหล่มองแล้วยิ้มเยาะ
       “คุณชื่นให้ฉันเป็นคนรับใช้ส่วนตัวของคุณอร” เอมิกาบอก
       นาก สมพิศ และจุ่นแทบช็อค “ห๊า!!”
       “ทำไมทุกคนทำหน้าหยั่งกับว่าฉันกำลังจะไปตาย”
        สมพิศเดินมาใกล้ๆ “ไม่ตายก็เหมือนตาย” สมพิศโยนถาดดังโครมแล้วนั่งลง “คุณอรได้ชื่อว่าเป็นตัวแม่ด้านความเอาแต่ใจ คุณอรไม่มีคนรับใช้ส่วนตัวมานานแล้ว เพราะทุกคนที่รับใช้คุณอร...ทำงานแค่สามวันก็ลาออก อีกคนก็แทบเป็นบ้า เพราะเธอเหวี่ยงทุกเรื่อง!”
        เอมิกาฟังแล้วก็ชักฝ่อ นากหันไปทางสมพิศอย่างไม่พอใจ
       “ป้าจะขู่น้องชะเอมทำไม?” นากหันไปทางเอมิกา “มันไม่แรงขนาดนั้นหรอก”
       “แต่มันก็น่าแปลกนะเว๊ย ที่อยู่ดีดีคุณอรเรียกแกให้ไปรับใช้” สมพิศตั้งข้อสังเกต
        เอมิกาใจเสียยิ่งขึ้นไปอีก บรรจงหัวเราะลั่น ทุกคนหันไปมอง
       “ญาติเสียเหรอไงนังจง!” นากว่า
       “ญาติฉันไม่เสียหรอก แต่คนแถวนี้” บรรจงจิกตามองเอมิกา “อาจจะเสียชีวิต”
        เอมิกากลืนน้ำลายดังเอื๊อก สมพิศหันไปมองแบบกลุ้มใจแทน นากมองเอมิกาด้วยความเห็นใจ
       “น้องชะเอมอยากกินอะไร” จุ่นถาม เอมิกาหันไปมองจุ่นด้วยความแปลกใจ “พี่จะตักบาตรไปให้”
       เอมิกาหน้าแย่มาก
     
        อรวิลาสเดินชอปปิ้งอย่างเพลิดเพลินในห้างสรรพสินค้า เอมิกาเดินตามและดูโน่นดูนี่ด้วยความสนใจจนเผลอลืมไปว่าตัวเองมาในฐานะคนใช้ เอมิกาเห็นชุดสวยก็ปรี่เข้าไปดู เอมิกาเห็นว่าราคา 1500 เธอก็หยิบออกมามอง อรวิลาสหันไปเห็นเอมิกาก็ไม่พอใจจึงเดินเข้ามาหา
       “มีปัญญาซื้อเหรอ?”
        เอมิกาหันไปเผลอตอบ “มีค่ะ..” เอมิกานึกขึ้นได้เมื่อเห็นหน้าอรวิลาส “เออ ไม่มีปัญญาซื้อหรอกค่ะ แต่มันสวย ฉันก็เลยอยากดูใกล้ๆ”
       อรวิลาสมองชุดที่เอมิกาถือ “เธอนี่มันก็ตาถึงเหมือนกันนะ”
       เอมิกายิ้มเจื่อน อรวิลาสดึงชุดที่เอมิกาถือไปให้พนักงาน
       “ฉันเอาชุดนี้ แต่รอก่อน เพราะจะเอาอีกหลายชุด” อรวิลาสบอกพนักงาน
        อรวิลาสเดินไปเลือกเสื้อ เอมิกาหันไปมองชุดด้วยความเสียดายเพราะอยากได้ แล้วเธอก็ถอนหายใจพร้อมสะกดจิตตัวเอง
       “เป็นคนใช้ เป็นคนใช้”
        เอมิกาพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง
        พนักงานยื่นสลิปบัตรเครดิตให้อรวิลาส
       “ทั้งหมด 35,000 บาทค่ะ”
        เอมิกาผงะแล้วคิดในใจ “โอ้โฮ...ขนาดฉันยังไม่ซื้อของแพงขนาดนี้เลย”
        อรวิลาสเซ็นบัตร
       “นี่คุณอร..ซื้อไปขายต่อรึเปล่าคะ” เอมิกาถาม
       “ใส่เองย่ะ ฉันไม่ชอบใส่เสื้อผ้าซ้ำ คุณแม่บอกว่าเราต้องดูดีเสมอ แม้กระทั่งตอนนอน”
        เอมิกาเบ้หน้า อรวิลาสรับใบเสร็จ แล้วพนักงานก็หิ้วถุงออกมา เอมิกายืนนิ่ง อรวิลาสหันไปมอง
       “ถือของสิ”
       เอมิกานึกขึ้นได้ “อ๋อค่ะค่ะ”
        เอมิการับของมาจากพนักงาน อรวิลาสเดินออกไป เอมิการีบเดินตามไป
     
        เอมิกาหิ้วของเดินตามอรวิลาสที่ค่อยๆเดินดูของตามร้านต่างๆ เอมิกาเดินแซงหน้าอรวิลาสขึ้นไป อรวิลาสหันมาเห็นเอมิกาเดินนำไปก็ไม่พอใจ
       “ชะเอม!”
       เอมิกาหยุดเดินแล้วหันมา “คะ”
       “ฉันเป็นนาย เธอเป็นคนใช้ คนใช้จะเดินนำหน้าเจ้านายได้ยังไง!”
       “ก็........”
       อรวิลาสฉุน “ห้ามเถียง! ฉันพูดอะไรเธอต้องฟัง ห้ามเดินแซงหน้าฉันอีก” อรวิลาสจ้องหน้า
       เอมิกาหน้าแหย “ค่ะ”
        อรวิลาสเดินฉับๆแซงเอมิกาขึ้นไป เอมิกาหันไปมองแล้วก็ถอนหายใจก่อนจะหันไปเห็นคนใช้คนอื่นที่เดินหิ้วของคอยตามหลังเจ้านาย พอเจ้านายหยุดดูของ คนใช้ก็ต้องหยุดแบบรักษาระยะห่าง พอเจ้านายเข้าไปในร้าน คนใช้ก็ค่อยก้าวตามเข้าไปแล้วก็ยืนเจี๋ยมเจี้ยม เอมิกาสังเกตพฦติกรรมของคนใช้คนอื่นแล้วรีบเดินตามอรวิลาสไป



       อรวิลาสเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี่ ทั้งร้านรองเท้า ร้านกระเป๋า ร้านเสื้อ ฯลฯ จำนวนของที่เอมิกาถือก็มากขึ้นตามจำนวนร้านที่อรวิลาสเข้าไป เอมิกาเริ่มถือไม่ไหวแล้ว สีหน้าของเธอเหน็ดเหนื่อย อรวิลาสเดินผ่านร้านเสื้อร้านใหม่
       “กรี๊ด!! คอลเลคชั่นใหม่”
       อรวิลาสจะเดินเข้าร้าน เอมิกาตกใจจึงรีบเรียก
       “เดี๋ยวค่ะคุณอร” อรวิลาสหันมา “คุณอรยังจะซื้ออีกเหรอคะ”
       “แน่นอน..ฉันยังไม่หนำใจ”
       “แต่ฉันถือไม่ไหว..”
       “อยู่กับฉันห้ามมีคำว่า “ไม่” ต้องมีแต่คำว่า “ได้” เข้าใจ๊?”
       อรวิลาสไม่รอฟังคำตอบ เธอเดินฉับๆเข้าไปในร้าน เอมิกาอยากจะบ้าตาย
     
       เอมิกาหอบข้าวของเยอะจนบังหน้าตัวเองแล้วก็เดินไปตามทางแบบกลัวจะชนคนอื่น คนเดินสวนต้องหลบเอมิกาเพราะเอมิกามองไม่เห็น อรวิลาสหันไปมองเอมิกาแล้วยิ้มสะใจ
       “เดินเร็วหน่อยสิชะเอม ยังมีอีกหลายร้านที่ฉันยังไม่ได้ไป”
       เอมิกาถอนหายใจ อรวิลาสเดินลิ่วๆๆนำเอมิกาไปหลายช่วงตัว ระหว่างนั้นมีเด็กเล่นสเก็ตบอร์ดมาตามทางแต่สะดุดล้ม สเก็ตบอร์ดไถลไปทางเอมิกาที่กำลังยกเท้าก้าว เท้าเอมิกาเหยียบไปบนสเก็ตบอร์ดพอดี เอมิกาตกใจ
       “เฮ้ย!!”
       ข้าวของทั้งหมดร่วงลงพื้น เอมิกากรี๊ดลั่น
       “อ๊ายยยย!” มีคนยืนขวางหน้า เอมิการ้องออกมา “หลีก..หลีก!!”
       เอมิกาพยายามทรงตัว เธอเห็นอรวิลาสหยุดเดินดูของหน้าร้านๆหนึ่งก็ตกใจเพราะสเก็ตบอร์ดพุ่งเข้าหาอรวิลาส
       “คุณอร!!! ระวัง!!”
       อรวิลาสหันไปเห็นก็ตาโตอ้าปากกรี๊ดลั่น
       “อ๊าย!!”
       อรวิลาสหลบไม่ทัน เอมิกาจึงชนอรวิลาสไปเต็มๆ อรวิลาสตัวหมุนจนหน้าไปชนกระจกดังปัง หน้าของอรวิลาสแนบกับกระจกเป็นเนื้อเดียวกัน เอมิกาล้มไปบนพื้น สเก็ตบอร์ดไถลไปอีกทาง เอมิกาหันไปมองอรวิลาสที่แปะอยู่ตรงกระจกหน้าร้านแล้วก็ตกใจรีบลุกขึ้นไปดู
       “คุณอร...”
       เอมิกาจับตัวอรวิลาสให้หันมา อรวิลาสหน้าแดงเถือก เลือดกำเดาไหลออกจากจมูก เอมิกาสะดุ้งโหยง คิดในใจว่า “ตายแน่กู”
     
       อรวิลาสหน้าตาเอาเรื่อง มีพลาสเตอร์แปะที่จมูก
       “คุณแม่ต้องไล่ชะเอมออก”
       เอมิกาสะดุ้งโหยง หน้าเสียมองอรวิลาสที่นั่งลงข้างชื่นฤทัย
       “ฉันขอโทษจริงๆค่ะคุณอร ฉันไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นอุบัติเหตุ”
       “ฉันไม่สน ดูจมูกฉัน เห็นมั้ย”
       เอมิกาเงยหน้ามองเห็นจมูกแดงแป๊ดก็ได้แต่ยิ้มแหย
       “เอาน้ำแข็งประคบก็หายแล้วมั้งคะ”
       “มันจะไม่หายง่ายๆน่ะสิ น้องอรลงทุนไปทำจมูกแบบเดียวกับซองเฮเคียวที่เกาหลี”
       อรวิลาสหันขวับมาสะกิดชื่นฤทัยแล้วกระซิบ
       “คุณแม่บอกเรื่องจมูกอรกับชะเอมทำไม”
       ชื่นฤทัย นึกขึ้นได้รีบยกมือปิดปาก
       “โอ๊ะ! แม่ขอโทษ”
       อรวิลาส หันไปทางเอมิกาพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
       “ยังไงคุณแม่ก็ต้องไล่ชะเอมออกเดี๋ยวนี้ ไม่งั้นอรไม่ยอมจริงๆด้วย”
       “เอาน่าลูก ชะเอมก็บอกแล้วว่าเป็นอุบัติเหตุ”
       อรวิลาส ชักเสียงสูงไม่พอใจ
       “คุณแม่”
       ชื่นฤทัย กระซิบบอก
       “จมูกพังยังทำใหม่ได้ง่ายแสนง่าย แต่คนใช้นี่สิหายากหาเย็น ที่สำคัญค่าตัวชะเอมถูกแสนถูก หาไม่ได้อีกแล้ว”
       อรวิลาสเถียงไม่ออก ชื่นฤทัยหันไปทางเอมิกา
       “เอาเป็นว่าฉันจะหักเงินเดือนเดือนนี้ของเธอครึ่งนึงก็แล้วกัน”
       เอมิกายกมือไหว้
       “ขอบคุณมากค่ะ”
       เอมิกาหันไปเห็นอรวิลาสจ้องราวกับจะกินเลือดกินเนื้อก็รีบก้มหน้าคลานออกไป แต่กลับสะดุดหน้าคว่ำเพราะไม่ถนัดคลาน เอมิกาหันมายิ้มอายๆกับชื่นฤทัยและอรวิลาสก่อนจะรีบออกไป อรวิลาสมองตามเอมิกาอย่างเคือง
     
       ภายในครัว บรรจงโยนกะละมังและหม้อลงในอ่างล้างจานเสียงดัง โครม! เอมิกา นาก สมพิศ จุ่นที่กำลังเตรียมจะช่วยกันตักข้าว ตั้งกับข้าวต่างสะดุ้งกันเป็นแถว
       “นังจง เบาหน่อยเว้ย เล่าต่อสินังชะเอม” สมพิศว่า บรรจงหันมามองอย่างไม่พอใจ
       “คุณชื่นไม่ไล่ฉันออก แต่หักเงินเดือนฉันแทน” บรรจงได้ฟังก็หงุดหงิด
       “เอ็งนี่มันทำบุญมาด้วยอะไรถึงไม่โดนไล่ออก เป็นคนอื่นตายไปแล้ว”
       “น้องชะเอมไม่ต้องห่วงนะฮะ ถ้าเงินเดือนเดือนนี้ไม่พอใช้ พี่นากช่วยเอง พี่นากน่ะเงินเยอะ” นากบอก
       จุ่นนึกหมั่นไส้เลยแขวะ
       “ขี้อวด”
       นากหันไปมองจุ่นไม่พอใจ
       “ไอ้จุ่น ด่าฉันทำไม หรือว่าแกมีปัญญาช่วยน้องชะเอมหะ”
       จุ่นตบโต๊ะดังปัง! แล้วลุกขึ้นยืนทำกร่างบอก
       “ไม่มีปัญญาหรอกเว้ย”
       “โด่ นึกว่าจะเจ๋ง”
       “ขอบคุณพี่นากมาก แต่ฉันไม่ได้ใช้อะไรเท่าไหร่หรอก”
       “น้องชะเอมนี่เจียมตัวดีจริงจริ๊ง ไม่เหมือนคนบางคน จนแล้วไม่เจียมนึกว่าตัวเองเป็นเจ้าคนนายคน ใช้เงินมือเติบ”นากพูดพลางมองเหล่บรรจง
       บรรจงหันขวับไปทางนากแล้วใส่ทันที
       “ว่าฉันเหรอพี่นาก”
       “ฉันยังไม่ได้พูดชื่อแก ร้อนตัวไปรึเปล่านังจง”
       บรรจงเงียบเห็นจริงด้วย นากตักข้าวให้เอมิกา
       “กินข้าวเถอะน้องเอม เราเป็นคนดี และคนดีพระก็ต้องคุ้มครอง คนชั่วไม่มีทางทำอะไรเราได้หรอก”
       บรรจงแค้นสุดๆ เอามือจิกขาจุ่นระบายอารมณ์ จุ่นร้องลั่น
       “โอ๊ย น้องจงหยิกขาพี่จุ่นทะ(ทำ)มาย”
       บรรจงไม่ตอบ หันไปมองเอมิกาด้วยความโกรธ จนเอมิการู้สึกได้
     
       เวลากลางคืน ภายในห้องน้ำในเรือนคนใช้ เอมิกานั่งบนโถส้วม..กำลังพิมพ์แทบเลต
       “คุณอรวิลาส สวย เริ่ด เชิด หยิ่ง นิสัยเสีย คนๆนี้ยังหาความดีไม่เจอและไม่รู้ว่าจะมีหรือไม่? ทำไมคนที่มีพร้อมทุกอย่างอย่างคุณอรถึงดูเป็นคนไม่มีความสุข เรียนก็ไม่จบ งานการก็ไม่ทำ ไม่มีความคิด ไม่มีความฝันเป็นของตัวเอง ทำตามที่แม่สั่งทุกอย่าง ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ฉันยังไม่เคยเห็นคุณอรวิลาสยิ้มเลย”
       เอมิกาคิด
       “นั่นสินะ...ไม่เคยเห็นจริงๆ จะว่าไปคนบ้านนี้ก็ไม่เห็นจะมีใครมีความสุขซักคน ทั้งเจ้านายทั้งคนใช้ หรือว่า. จะมี”



       บริเวณนอกตัวบ้านติดกับบ้านอรทัยในเช้าวันถัดมา เอมิกาตากผ้าโดยที่ไม่บิดน้ำออก ทำให้น้ำหยดติ๋งๆเต็มพื้น ปองเทพคอยช่วยอยู่ใกล้ๆ สองคนมองไปที่คนใช้บ้านอรทัย
       “ป่อง ป่องคิดเหมือนเรามั้ยว่าทำไมคุณยายพวกนั้นถึงยังเป็นคนใช้อยู่ ทั้งๆที่แก่มากขนาดนี้ ป่องว่าคุณยายเค้าจะมีความสุขกับการเป็นคนใช้หรือเปล่า”
       “อือ ก็น่าคิดนะ”
       นั่นไง เราก็เลยคิดว่าถ้าเราได้คุยกับคุณยายพวกนั้น อาจจะทำให้เรารู้ว่าการเป็นคนใช้มันดียังไง”
       “อ๋อ” ปองเทพผงะแล้วก็นึกขึ้นมาได้ถาม “แล้วไงอ่ะ”
       “โธ่ป่อง ก็ถ้าเรารู้ใช่มั้ย เราก็จะเข้าใจการเป็นคนใช้มากยิ่งขึ้น”
       “เออจริงด้วย แล้วถ้าเอมเข้าใจ เอมก็จะได้ลาออกจากที่นี่”
       “ยัง นั่นมันแค่เริ่มต้นเท่านั้น เราต้องเข้าให้ถึงจิตวิญญาณของการเป็นคนใช้ซะก่อน เราถึงจะลาออก”
       ปองเทพทำหน้าเซ็งขึ้นมาทันที
       “โฮ ก็อีกนานเลยสิ”
       “จะนานยังไงก็ไม่เกินสองเดือนหรอก นี่ ฝากตากผ้าให้หน่อยนะ เราจะไปหาคุณยายพวกนั้นก่อน”
       เอมิกาเดินออกไปเลย ปองเทพเหวอไปทันที
     
       ภายในรถ เวลาเช้า อุทยานกำลังโทรศัพท์ โดยมีอัมพรนั่งอยู่ข้างๆ
       “คุณวเรศ ผมอุทยาน ตอนนี้ผมอยู่กรุงเทพแล้ว อยากคุยกับคุณเรื่องงาน ตอนเที่ยงพอจะออกมาพบผมได้มั้ย”
     
       ภายในห้องรับแขกบ้านชื่นฤทัย วเรศยืนอยู่กับพีรพล
       “ท่านผู้ว่าโทรมานัดให้ผมไปพบตอนเที่ยง ผมก็เลยต้องรีบมาเอาข้อมูลกับคุณอา” วเรศบอก
       “งั้นรออาเดี๋ยวนะ อาจะเข้าไปเอาเอกสารออกมาให้”
       “ขอบคุณครับ”
       พีรพลเดินออกไป วเรศนั่งรออยู่
     
       ทางด้านบ้านอรทัย เอมิกาหิ้วถุงส้มย่องเข้ามาทางหลังบ้านพลางมองไปรอบๆก็ไม่เห็นใคร พอหันกลับมาอีกทีเจอยายแจ่ม ยายจัน ยายปีบยืนมองอยู่ เอมิกาสะดุ้งโหยงและรีบยกมือไหว้
       “อุ่ย หวัดดีจ๊ะ คุณชื่นแบ่งส้มมาให้พวกฉัน แต่มันเยอะมาก ฉันก็เลยเอามาให้ยาย”
       สามยายมองหน้ากันอย่างงงๆ ก่อนจะหันไปมองเอมิกาอย่างไม่ไว้ใจ
       “ฉันไม่รับ” ยายแจ่มว่า
       เอมิกาเหวอที่เห็นยายทั้ง 3 คนแยกย้ายกันไปทำงาน เอมิกายังยืนนิ่งไม่ยอมไป ยายแจ่มหันมาเห็นก็ถามอีก
       “มีอะไรอีกนังหนู”
       “เออ”
       “ถ้าไม่มี ก็รีบกลับไปซะ”
       ยายแจ่ม ยายจัน ยายปีบรีบเข้าไปในบ้านและปิดประตูดัง ปัง!ใส่หน้าเอมิกาอย่างแรง เอมิกาผงะ แล้วก็จะเปิดประตูตามเข้าไป แต่ประตูล็อก
       “ยาย เดี๋ยวสิยาย”
     
       ภายในบ้าน อรทัยนอนคว่ำบนโซฟา อเนกคุกเข่าข้างๆเอามือทุบหลังอรทัยด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ แต่อรทัยกำลังซี๊ดซ๊าดได้อารมณ์
       “ขึ้นมากลางหลังหน่อย แรงหายไปไหนหมด”
       อเนกหมั่นไส้ ขมุบขมิบปากด่าแล้วก็ทุบๆๆๆ
       “หนักๆหน่อยสิ”
       อเนกทนไม่ไหวแล้วก็นึกอะไรออกพลางลุกขึ้นยืน
       “หนักๆเลยใช่มั๊ยจ๊ะ”
       “เออ”
       อเนกกำลังจะใช้เท้าเหยียบหลังอรทัย..แต่อรทัยหันมา
       “นี่”
       อเนกตกใจ หงายหลังล้ม โครม! ไปบนพื้น มีสีหน้าเจ็บปวด อรทัยตกใจ ลุกขึ้นหันไปมอง
       “เป็นอะไรหะ”
       อเนกเจ็บก้นกบหน้าเหยเก
       “เออ ผมจะเปลี่ยนมุมมานวดให้คุณ แต่ดันลื่นซะนี่”
       “ซุ่มซ่าม ไปคั้นน้ำส้มมาให้ฉันกินไป”
       “จ๊ะจ๊ะ”
       อเนกค่อยๆพยุงตัวลุกเดินออกไป อรทัยส่ายหัว
     
       เอมิกาเอาหน้าไปใกล้บานประตูแล้วร้องเรียก
       “ยาย ยายจ๊ะยาย เปิดประตูให้ฉันที ฉันมีเรื่องจะถาม”
       อเนกเดินออกมาด้วยสีหน้าหงุดหงิดพลางบ่น
       “โธ่อีอ้วน กระแดะอยากกินน้ำนางเอก”
       อเนกเดินหงุดหงิดออกมาแล้วก็ได้ยินเสียงเอมิกาเบาๆ อเนกชะงัก หันไปมองหาที่มาของเสียง
       “เสียงอะไร”
       อเนกเงี่ยหูฟังแล้วเดินไปตามที่มาของเสียง เอมิกายังคงพยายามต่อไป
       “ยาย..ยายเปิดประตูให้ฉันหน่อย”
       อเนกได้ยินเสียงก็ครุ่นคิด ชะโงกหน้าไปตรงหน้าต่างเห็นเอมิกายืนหันหลังอยู่ด้านหน้าประตู อเนกเห็นเอมิกาก็ยิ้มหื่น พร้อมลูบปาก หันไปมองอรทัย ทางโปร่งก็ปิดปากหัวเราะชอบใจ
     
       ที่หลังบ้าน เอมิกาเดินมาส่องตรงหน้าต่างพยายามมองหายายแต่ไม่เห็น ด้านหลังเห็นอเนกย่องมา อเนกลูบผมทำหล่อ..พร้อมกับยิ้มหื่น เดินมาใกล้เอมิกา
       เอมิกาไม่ทันรู้ตัวเพราะมัวแต่ตั้งใจมองหาคุณยายอยู่ อเนกมายืนข้างหลังในระยะประชิด เอามือสะกิดไหล่ขวาเอมิกาแล้วเบี่ยงตัวหลบซ้าย เอมิกาหันไปทางขวาไม่เห็นใครก็แปลกใจ พอหันกลับมาเจออเนกยื่นหน้ามาหา
       “จ๊ะเอ๋”
       เอมิกาตกใจเผลอเอามือตบหน้าอเนกโดยอัตโนมัติ อเนกหน้าหัน ชาไปทั้งแทบ
       “ว้าย อุ่ย ขอโทษค่ะ”
       เอมิการู้ตัวรีบยกมือไหว้ อเนกหันมาพยายามฉีกยิ้ม
       “ไม่เป็นไรจ๊ะ พี่ผิดเองที่มาเงียบๆ น้องตาหวานก็เลยต๊กใจ”
       เอมิกาผงะ
       “น้องตาหวาน”
       “มาทำอะไรลับๆล่อตรงนี้จ๊ะ” อเนกถามพลางจับมือเอมิกาขึ้นมา เอมิกาตกใจ
       “อย่าบอกน้าว่ามาหาพี่” อเนกพูดต่อเล่นเอาเอมิกาเหวอไป

วเรศถือซองเอกสารเดินกลับมาที่รถ เหลือบไปเห็นเอมิกากับอเนก วเรศชะงักก่อนหันไปมองเห็นสองคนจับมือกันก็ไม่พอใจขึ้นมา พลางส่ายหัวและเดินออกไปเพราะไม่อยากมอง
     
       เอมิการีบดึงมือออกจากอเนกรีบปฏิเสธแทบไม่ทัน
       “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้มาหาคุณ”
       อเนกหรี่ตามองพร้อมกับชี้หน้าเอมิกา
       “ฮั่นนั่นแน่ ไม่ต้องเขิลลล สารภาพมาซะดีดีว่าน้องตาหวานน่ะคิดถึงพี่ อยากเจอพี่จนใจแทบขาดโฮะๆๆๆ”
       อเนกหัวเราะร่าอย่างมีความสุข เอมิกาค่อยๆย่องเดินหนีไป แล้วอเนกก็ผงะเพราะเอมิกาหายไปแล้ว หันไปมองหา รอบๆ
       “อ้าว หายไปไหนแล้วล่ะน้องตาหวาน เจอคราวหน้าจะขอเอาปากกระแทกแก้มซักที”
       อเนกเอามือตัวเองที่จับมือเอมิกาขึ้นมาดมชื่นใจ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในบ้าน
     
       ภายในห้องนอนของอรวิลาส บรรจงนั่งบนพื้นข้างๆ ส่วนอรวิลาสที่กำลังแต่งหน้าอยู่ตรงหน้ากระจก
       “เราต้องรีบดำเนินแผนการของเราต่อนะเจ้าคะคุณอร” บรรจงว่า
       “ฉันคิดอะไรไม่ออกหรอก”
       บรรจงเผลอตัวจิก
       “ก็ต้องหัดคิดซะบ้างสิ”
       อรวิลาสหันขวับ บรรจงผงะรีบแก้ตัวทันที
       “เออ จงหมายความว่าช่วยกันคิดสองคนดีกว่าคิดคนเดียว”
       “แต่เรื่องนี้แกเป็นคนต้นคิด เพราะฉะนั้นแกต้องคิด แกจะมาใช้ให้ฉันช่วยแกคิดได้ไง คิดสิ คิดให้ออกเร็วๆด้วย”
       อรวิลาสหันไปแต่งหน้าต่อ บรรจงแอบไม่พอใจแล้วก็นึกออก
       “จงคิดออกแล้วเจ้าค่ะ”
       อรวิลาสหันมามองบรรจงที่ยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ
     
       เอมิกาเอามือข้างที่อเนกจับมาถูๆๆกับกางเกงพลางเดินกลับมา แล้วก็ชะงักเพราะเจอวเรศยืนอยู่ เอมิกายกมือไหว้
       “สวัสดีค่ะคุณตั้ม แหม มาเช้าจังเลยนะคะวันนี้”
       “ฉันมาเช้าแล้วทำไม หรือว่ากลัวฉันเห็นอะไรเข้า”
       เอมิกาชะงัก
       “คนที่เป็นเลขานี่เค้าต้องพูดจาให้ดูงงๆกันอย่างนี้ทุกคนรึเปล่าคะ”
       “เธอว่าฉันเหรอชะเอม”
       “อู้ย ฉันไม่กล้าว่าคุณหรอกค่ะ ฉันแค่พูดความจริง”
       “นั่นเค้าเรียกว่าว่า”
       “เอ้า พูดความจริงก็หาว่าว่า ต้องให้ฉันโกหก คุณถึงจะชอบเหรอคะ”
       “คนอย่างเธอชอบโกหกจนเป็นนิสัยอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
       “อ้าว คุณมาว่าฉันทำไมเนี่ย”
       “ฉันไม่ได้ว่า ฉันแค่พูดความจริง”
       เอมิกาแทบสะอึกที่วเรศย้อนคำ
       “ถึงกับพูดไม่ออกเลยเหรอชะเอม”
       “ที่พูดไม่ออก เพราะกำลังอึ้งว่าคุณเลขาคิดเองไม่เป็น ก็เลยต้องเลียนแบบคำพูดของคนใช้อย่างฉันต่างหาก”
       วเรศสุดทน
       “ชะเอม หยุดต่อปากกับต่อคำกับฉันซักที ฉันเคยเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าอย่าทำอะไรที่มันเสี่ยงกับตัวเอง”
       เอมิกาไม่เข้าใจแต่ยังไม่ทันพูดอะไรต่อ อรวิลาสกับบรรจงก็เดินออกมา บรรจงรีบบิลด์อรวิลาสทันที
       “คุณอรดูนังชะเอมสิเจ้าคะ แอบมาดักพบคุณตั้มอยู่นี่เอง”
       อรวิลาส ยุขึ้นรีบเดินเข้าไปหาวเรศทันที
       “พี่ตั้ม”
       วเรศกับเอมิกาหันขวับไปเห็นอรวิลาสกับบรรจงเดินมาพอดี
       “พี่ตั้มมานานแล้วเหรอคะ”
       “พี่มาเอาของกับคุณอา กำลังจะกลับ”
       เอมิกาค่อยๆย่องออกไป แต่อรวิลาสหันไปเห็น
       “ชะเอม ฉันมีงานให้เธอทำ บรรจงจะเป็นคนบอกว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง”
       เอมิกาผงะ หันมานิ่วหน้าสงสัย ครั้นหันไปเจอสายตาที่วเรศมองมาก็พาเครียดเข้าไปอีก
     
       ภายในห้องนอน เอมิกายืนอึ้งตะลึงงันกับสภาพห้องที่เกลื่อนไปด้วยข้าวของ ถึงกับหันไปมองบรรจงที่ยืนข้างๆ
       “นี่มันห้องนอนหรือห้องเก็บของ”
       “แกไม่มีสิทธิ์ออกความเห็นใดใด จัดการเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย หลังจากนั้นแกต้องไปอาบน้ำให้คุณชายใหญ่ แล้วต่อด้วยล้างรถคุณอร แกต้องทำทุกอย่างให้เสร็จภายในบ่ายโมง”
       “ห๋า ใครจะไปทำทั้งหมดทัน”
       “ไม่รู้ ไม่สน แกต้องทำตามคำสั่งของคุณอรอย่างเคร่งครัด”
       เอมิกาอ้าปากค้าง บรรจงสะบัดหน้าพรืดเดินออกไป เอมิกาหันไปมองสภาพห้องพลางถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
     
       ภายในคอนโดของเอมิกา ป้านวล แม่บ้านเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์ทำความสะอาดพอเห็นอัมพรกับอุทยานก็ตกใจสุดขีด ยกมือขึ้นมาทาบอก
       “คุณพระช่วย”
       อุทยานกับอัมพรหันไปทางป้านวลที่ทำของร่วงลงพื้นก็ผงะ
       “อะไรจะตกใจขนาดนั้น ทำหยั่งกับฉันสองคนเป็นผี” อุทยานว่าอย่างขำๆ
       “นั่นสิป้านวล” อัมพรพูดขึ้น
       ป้านวลรีบเก็บของ
       “ขอโทษค่ะคือป้า ป้าไม่นึกว่าจะเจอคุณคุณก็เลยตกใจ ทำไมคราวนี้ไม่โทรมาบอกก่อนล่ะคะว่าจะมา ป้าจะได้เตรียมอาหารไว้ให้”
       “ฉันมาธุระแค่วันเดียว เดี๋ยวเย็นๆก็กลับ” อุทยานบอก
       “ป้ามาก็ดีแล้ว รู้รึเปล่าลูกสาวฉันออกไปไหน”
       ป้านวลอึกอัก
       “เออ อ่า คุณเอมออกไปกับเพื่อนค่ะ”
       “เพื่อนคนไหน”
       “ไม่ทราบค่ะ”
       “ไม่เป็นไร ฉันโทรหาเอง”
       อัมพรบอกพลางหยิบเอามือถือออกมากดโทรออก ป้านวลหน้าซีดลอบหันไปบ่นพึมพำกับตัวเอง
       ป้านวลนึกเป็นห่วงเอมิกา
       “แย่แล้วคุณเอม”
     
       เสียงมือถือเอมิกาดังขึ้น นากเข้ามาในห้อง ได้ยินเสียง
        "ไม่ใช่เสียงมือถือเรา"
       นากมองหาเห็นไอโฟนวางอยู่ข้างหมอน นากหยิบขึ้นมาดูงงๆ
       "สงสัยจะเป็นมือถือของน้องชะเอม โอ้โฮ น้องเอมใช้รุ่นนี้เลยเหรอเนี๊ย???"
       นากเห็นชื่อหน้าจอขึ้นคำว่า “แม่”
       "แม่!" นากยิ้มพลางครุ่นคิด "ฝากเนื้อฝากตัวไว้เลยดีกว่า"
       นากกดรับสาย แต่ทำไม่เป็น
       "เฮ้ย!! โทรศัพท์รุ่นนี้กดรับยังไง?"
       นากพยายามจิ้มๆแล้วก็กดโดน เสียงอัมพรดังออกมา
       "ฮัลโหล..."
       นากสะดุ้ง รีบเอาโทรศัพท์มาแนบหู
       "สวัสดีฮะคุณแม่"
       อัมพรผงะ ผละออกห่างจากมือถือ จนอุทยานแปลกใจ ป้านวลทำความสะอาดไปก็ลอบมองไปด้วยความกังวล
       อัมพรตั้งสติได้รีบกลับมาพูด "นั่นใครพูด"
       นากเก็กเสียง
       "ผมชื่อนากฮะ เป็นเพื่อนกับลูกสาวคุณแม่ เรานอนอยู่ห้องเดียวกัน"
       อัมพรมองหน้าอุทยานแปลกใจมาก ป้านวลลุ้นจนเหงื่อแตก
       "ผมดูแลลูกสาวคุณแม่เป็นอย่างดี คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงเลยนะฮะ"
       อัมพรชักใจคอไม่ดี "แล้วตอนนี้ลูกสาวฉันอยู่ไหน ตามเค้ามาพูดที"
       "คุณแม่รอซักครู่นะฮะ"
       อัมพรหน้าเสียจนอุทยานลุกเดินมาหา
       "เป็นอะไรไปคุณ"
       "เพื่อนยัยเอมเป็นคนรับโทรศัพท์ แต่ดูแปลกๆยังไงก็ไม่รู้"
       ป้านวลหันไปปาดเหงื่อ



       ภายในห้องนอนอรวิลาส เอมิกาจามเสียงดัง
       “ฮัดเช้ย”
       เอมิกาหันไปมองรอบห้องอย่างหมดกำลังใจ
       “แล้วจะเริ่มต้นจากตรงไหนอะไรยังไงดีล่ะเนี่ย”
       ระหว่างนั้นนากเปิดประตูเข้ามา เอมิกาหันไป นากบอก
       “น้องชะเอม แม่น้องชะเอมโทรมา”
       นากยื่นมือถือให้เอมิกา เอมิกาตกใจมากที่นากบอกว่า
       “พี่แนะนำตัวกับแม่ของน้องชะเอมไปแล้วด้วยนะ”
       นากยิ้มยืดภูมิใจ เอมิกาหน้าเสียรีบดึงมือถือมาคุย แล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำในห้องอรวิลาส นากจะเดินตาม แต่เอมิกาปิดประตูใส่หน้านากดังปัง! นากสะดุ้งโหยง
     
       อัมพรเปิดสปีกเกอร์โฟนใส่เอมิกาแบบไม่ยั้ง มีอุทยานยืนฟังอยู่ข้างๆ ด้านหลังป้านวลจ้องไม่วางตา
       “เพื่อนลูกคนนี้เป็นใคร ผู้หญิงหรือว่าผู้ชาย ทำไมเค้าถึงบอกว่านอนห้องเดียวกับลูก เล่ามาให้แม่ฟังเดี๋ยวนี้เอมิกา”
       เอมิกาต้องเอามือถือออกห่างจากหูเพราะแม่ใส่ไม่ยั้ง
       “แม่ใจเย็นก่อน เพื่อนเอมเป็นผู้หญิง เค้ากำลังจะไปแคสติ้งบททอม ก็เลยต้องพูดจาห้าวๆแมนๆ”
       อัมพรยังระแวงอยู่
       “จริงนะเอม เอมอย่าโกหกแม่นะ”
       “เอมไม่โกหกแม่หรอก สาบานเลยก็ได้เอ้า”
       เอมิกาทำมืออุ๊บอิ๊บ
       เสียงอุทยานดังเข้ามา
       “แม่เค้ากลัวเราจะไปมีแฟนเป็นทอม”
       เอมิกาอมยิ้มบอก
       “เอมชอบผู้ชายค่ะแม่ ผู้ชายเท่านั้นที่เอมต้องการ”
       อัมพรตกใจ อุทยานหัวเราะ ป้านวลโล่งอก
       “ตายแล้วลูกคนนี้ดูพูดเข้า อย่าก๋ากั่นให้มากนะเราน่ะ”
       เอมิกายิ้มขำ
       “สบายใจแล้วนะคะคุณนายแม่”
       “ยัง ถ้าเราอยากให้แม่สบายใจก็ต้องมาทานข้าวกับแม่”
       เอมิกาตกใจบอก
       “เออ เอมไม่แน่ใจว่าจะไปได้มั้ย เอมยังทำรายงานกับเพื่อนอยู่เลย”
       อัมพรน้ำเสียงเด็ดขาด
       “มาทานข้าวกับแม่แค่สองชั่วโมง มันไม่เสียเวลาทำรายงานของเราหรอก เจอกัน 11.30 ที่ร้าน ... ห้ามเลท”
       อัมพรวางสายหันไปทางอุทยานที่มองเมียอย่างรู้ทัน
       “นี่เริ่มเปิดบริษัทจัดหาคู่อีกแล้วใช่มั้ย อย่านึกว่าผมไม่รู้”
       “ถ้าฉันขืนปล่อยให้ยัยเอมหาแฟนเอง มีหวังคงได้คนเพี้ยนๆมาเป็นลูกเขย”
       อัมพรพูดจบก็เดินออกไป อุทยานถอนหายใจเฮือก
     
       เอมิกาวางโทรศัพท์ด้วยสีหน้าแย่
       “โอ๊ย อยากจะบ้าตาย แล้วจะออกไปได้ยังไง งานการยังทำไม่เสร็จซักอย่าง”
       เอมิกาเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ นากที่กำลังแอบฟังหน้าแทบคะมำ เอมิกาชะงัก นากรีบฉีกยิ้ม แล้วเอมิกาก็นึกอะไรออก จับมือนากหมับ นากอึ้ง
       “พี่นาก ช่วยอะไรฉันหน่อยได้มั้ย”
       นากมองเอมิกา
     
       ภายในกองละคร เวลาเช้า นงลักษณ์เอากาแฟมาให้ดร.เพี้ยน
       “ขอบคุณค่ะด็อก”
       “ด็อกเตอร์”
       นงลักษณ์หัวเราะแห้งๆ
       “อุ่ย แฮ่ๆๆ ค่ะ ขอบคุณนะคะด็อกเตอร์ที่มาช่วยเป็นแอกติ้งโค้ชให้กองละครของหนู หนูรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากเลยล่ะค่ะ”
       “สบายๆน่านงลักษณ์ ฉันชอบออกไปหาประสบการณ์ใหม่ๆอยู่แล้ว เออ ว่าแต่ แม่ชะเอมเป็นยังไงบ้าง หายหน้าหายตาไปเลย”
       “เอมกำลังไปได้ดีเลยล่ะค่ะ”
       “ไปได้ดี ไปได้ดีเรื่องอะไร”
       “ก็ตอนนี้มันไปเป็นคน...” นงลักษณ์นึกได้ก็เบรกไว้แค่นั้น “เออ”
       “ไปเป็นคนอะไร”
       “อ่า ไปเป็นคน เออ”
       แล้วเสียงมือถือนงลักษณ์ก็ดังขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิต นงลักษณ์รีบหยิบมือถือขึ้นมาเห็นชื่อหน้าจอก็ผงะ
       “เอมอายุยืนเป็นบ้าเลยด็อก” นงลักษณ์กดรับสาย
       “ด็อกเตอร์”
       “ฮัลโหล”
       นงลักษณ์ฟังเอมิกาแล้วก็ชะงัก
       “หะ แกว่าอะไรนะ”
       ดร.เพี้ยนตกใจ นงลักษณ์ยิ้มแหยแล้วรีบออกไปแอบคุย ดร.เพี้ยนมองตามด้วยความสงสัย
       “หาเหาใส่หัวให้ฉันแล้วมั้ยล่ะ”
     
       เอมิกากำลังคุยโทรศัพท์กับนงลักษณ์ ที่ด้านหลังนากกำลังทำความสะอาดห้อง
       “ก็ฉันไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร มีแต่แกคนเดียวที่เป็นทั้งเพื่อนรักทั้งเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากของฉัน ถ้าฉันทำงานที่คุณอรสั่งไม่สำเร็จ เค้าต้องหาทางไล่ฉันออกแน่ พลีสนะ นงนะ ฉันขอร้อง”
     
       นงลักษณ์ใจอ่อนกับเอมิกา
       “เออเออ”
       นางลักษณ์กดวางสายแล้วบ่นฮุบ
       “ใจอ่อนให้มันทุกทีสิน่า”
       นงลักษณ์หันไปก็ตกใจสุดขีดเพราะดร.เพี้ยนมายืนระยะประชิด
       “เยย ด็อก มายืนซะใกล้ ตกใจหมด”
       “แม่ชะเอมมีปัญหาอะไร”
       นงลักษณ์ผงะ
       “เออ เอมขับรถชนค่ะ”
       ดร.เพี้ยนตกใจ
       “หะ แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า”
       “ก็ ไม่มากไม่น้อย แต่นงต้องรีบไป เพราะคู่กรณีที่เอมขับรถชน ท่าทางจะเอาเรื่องน่าดู นงไปก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ”
       นงลักษณ์รีบออกไป โดยไม่ให้ดร.เพี้ยนที่ยืนงงได้ถามอะไรต่อ
     
       ปองเทพโผล่หน้าออกมาจากหลังต้นไม้ เสียงเอมิกาดังขึ้น
       “ป่องพานงเข้ามาในบ้าน อย่าให้ใครเห็นนงเด็ดขาด เราฝากความหวังทั้งหมดไว้ที่ป่องแล้วนะ”
       “เราไม่มีทางทำให้เอมผิดหวังแน่นอน”
       ปองเทพหันไปมองรอบๆ ไม่มีใคร ก็รีบจ้ำเดินออกมาเห็นนงลักษณ์ยืนรออยู่ก็รีบเดินมาหา พอจะเปิดประตู เสียงบรรจงก็ดังขึ้น
       “นี่”
       ปองเทพผงะ นงลักษณ์รีบหลบ ปองเทพรีบหมุนตัวกลับมา เจอบรรจงที่กำลังเดินมาและพยายามจะมองไปตรงหน้าบ้าน ปองเทพรีบขยับมาบังสายตา
       “มองอะไร”
       “ฉันเห็นใครซักคนตรงหน้าประตู”
       ปองเทพรีบหันขวับไปมอง
       “ไม่เห็นมีใครซักหน่อย”
       บรรจงขยับจะดูแต่ปองเทพรีบขยับตัวบัง
       “ฉันบอกว่าไม่มีใครยังไงล่ะบรรจง”
       บรรจงชะงักหันไปมองปองเทพแปลกใจ
       “เธอรู้จักชื่อฉันด้วยเหรอ”
       ปองเทพเหวอไปนิดนึงแล้วรีบแก้ตัว
       “รู้จักสิ ในบ้านหลังนี้มีใครบ้างที่ไม่รู้จักบรรจง บรรจงดังจะตาย”
       บรรจงชอบใจแกมเขิน
       “บ้าบ้าบ้า ว่าแต่ฉันดังจริงหรอ”
       บรรจงหันมายืนโพสท่าท้าทาย
       “อื้อ”
       บรรจงยิ้มเขินเอียงอาย ปองเทพอยากจะบ้าตายแล้วค่อยๆหันไป นงลักษณ์โผล่หน้าออกมามองปองเทพแบบว่าจะเอาไง ปองเทพครุ่นคิด จับไหล่บรรจงให้บรรจงหันหลังให้ประตู
       “บรรจง”
       “จ๋า”
       “ฉันน่ะอยากรู้จักกับบรรจงมานานแล้วนะ”



       บรรจงทำหน้าซาบซึ้ง ปองเทพเหลือบมองนงลักษณ์ที่ค่อยๆเปิดประตูแล้วย่องเข้ามาด้วยสีหน้าลุ้นระทึก ปองเทพเองก็ลุ้นมากเช่นกัน
        “เธอมองอะไรอ่ะ”
        บรรจงจะหันไป นงลักษณ์รีบวิ่งเข้าไปหลบตรงมุมหนึ่ง ปองเทพจับหน้าบรรจงให้หันมา
        “ก็มองบรรจงยังไงล่ะ ฉันยังไม่ได้แนะนำตัวกับบรรจงเลย ฉันชื่อป่อง”
        “ป่อง”
        ปองเทพพยักหน้า บรรจงนึกอะไรออกแล้วเอามือปองเทพออก
        แต่เดี๋ยวนะ ฉันเคยเห็นป่องอยู่กับยัยชะเอม ป่องกับยัยชะเอมเป็นแฟนกันรึเปล่า”
        “ไม่ได้เป็น ฉันยังโสด” ปองเทพบอกเสียงสูง
        บรรจงยิ้มดีใจบอก
        “จงก็โสดเหมือนกัน”
        ปองเทพแกล้งฉีกยิ้มหวาน บรรจงยิ้มปลื้ม แล้วปองเทพก็รีบขอตัว
        “เออ ฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะ แล้วไว้เราค่อยคุยกันใหม่”
        บรรจงกัดปากยิ้มยั่วยวน ปองเทพทำหน้าไม่ถูก ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอแล้วก็รีบจ้ำเดินออกไป บรรจงหันหลังเดินออกไปอีกทาง แล้วปองเทพก็ถอยหลังกลับมา ชะเง้อคอยาวมองตามบรรจง ชัวร์ว่าไปแน่ๆก็รีบไปหานงลักษณ์
        “นง”
        นงลักษณ์เดินออกมา ปองเทพรีบพานงลักษณ์เดินเข้าไป
        “รีบไปเร็วเข้า”
     
        ภายในเรือนคนใช้ นงลักษณ์ใส่เสื้อผ้าเอมิกายืนอยู่ ส่วนเอมิกาใส่ชุดช่าง ใส่หมวกเก็บผมเข้าไปหมดยืนอยู่กับปองเทพ นากยืนมองนงลักษณ์ตาปริบๆอย่างงงๆ
        “พี่นาก ฝากเพื่อนฉันด้วยนะ ฉันออกไปเยี่ยมแม่ที่โรงพยาบาลไม่เกินสองชั่วโมงจะรีบกลับมา”
        “พี่ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องชะเอมไม่บอกคุณอรไปตรงๆ”
        “พี่นากบอกฉันเองว่าคุณอรไม่ชอบให้ใครขัดใจ พี่คิดว่าเค้าจะอนุญาตให้ฉันออกไปเยี่ยมแม่เหรอ”
        “เออจริง คุณอรเป็นคนไม่มีเหตุผลอยู่แล้ว”
        “รีบไปเหอะเอม เออ ชะเอมจะได้รีบกลับ” ปองเทพบอก
        เอมิกาพยักหน้าหันไปทางนงลักษณ์พร้อมกับยื่นหน้ากากอนามัยปิดปากให้
        “ใส่ซะ คนจะได้ไม่รู้ว่าแกไม่ใช่ฉัน”
        นงลักษณ์รับหน้ากากอนามัยมา เอมิกากับปองเทพรีบออกไป นากหันไปมองนงลักษณ์แล้วก็ยิ้มหวานให้ นงลักษณ์ยิ้มแหยแล้วรีบใส่หน้ากากอนามัยทันที
     
        ปองเทพรีบพาเอมิกาที่ใส่แว่นดำอันใหญ่เดินออกมาที่ประตู แต่กลับเจอสมพิศที่เพิ่งกลับจากตลาด เอมิกากับปองเทพตกใจ เอมิการีบก้มหน้างุด สมพิศชะงัก เอมิกาแกล้งหันไปคุยกับปองเทพ
        “ถ้าแอร์มีปัญหา โทรเรียกผมนะครับ”
        “ครับครับ”
        เอมิกาเดินเฉียดสมพิศที่มองตามออกไป ปองเทพยิ้มแหยๆ แล้วก็รีบหันหลังเดินกลับเข้าไปพลางถอนหายใจโล่งอก สมพิศไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
     
        ภายในร้านอาหาร อุทยานปิดเอกสารตรงหน้าพลางเงยหน้ามองวเรศที่นั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าพึงพอใจ อัมพรนั่งอยู่ข้างๆอุทยาน
        “ผมดีใจที่เราได้มีโอกาสร่วมงานกัน” อุทยานว่า
        “ผมเองก็ดีใจและรู้สึกเป็นเกียรติอย่างมากที่ได้ร่วมงานกับท่านครับ”
        “ถ้าคุณจะขึ้นไปดูสถานที่จัดงานที่เชียงใหม่เมื่อไหร่ โทรตรงหาผมได้เลย”
        “ครับ”
        อัมพรดูเวลาแล้วก็ร้อนใจมองไปตรงประตูทางเข้าร้านอาหาร
        “ป่านนี้ยัยเอมยังไม่มาอีก อุตส่าห์บอกแล้วเชียวว่าห้ามเลท”
        วเรศหันไปมอง อัมพรรีบแนะนำ
        “ลูกสาวดิฉันเองค่ะ ดิฉันนัดแกมาทานข้าวด้วยเพราะว่าเย็นนี้ก็ต้องกลับเชียงใหม่แล้ว คุณวเรศคงไม่รังเกียจนะคะ”
        “ไม่รังเกียจครับ”
        อัมพรยิ้มด้วยความพอใจแล้วก็ชะเง้อมองหาเอมิกา
     
        เอมิกาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วรีบเดินมาที่หน้าร้าน พลันเสียงมือถือดังขึ้น เอมิกาหยุดเดิน หยิบมือถือออกมากดรับ
        “ถึงร้านแล้วค่ะกำลังจะเข้าไปเดี๋ยวนี้”
     
        เอมิกาเดินเข้ามาในร้าน เห็นอัมพรกับอุทยานนั่งหันหน้ามาทางเธอ โดยมีวเรศนั่งหันหลังให้ เอมิกาแปลกใจที่เห็นผู้ชายนั่งอยู่กับพ่อและแม่ อัมพรยกมือเรียก
        “ยัยเอม”
        เอมิกายิ้มกำลังจะเดินเข้าไป แต่วเรศหันมาพอดี ทันทีที่เอมิกาเห็นแค่เสี้ยวหน้าก็แทบช็อก เธอจำได้ทันทีว่าเป็นวเรศ เอมิการีบกลับหลังหันในจังหวะที่วเรศหันหน้ามาเต็มๆ
        อัมพรกับอุทยานแปลกใจ
        “ยัยเอมทำอะไร”
        วเรศเองก็นิ่วหน้ามองเอมิกาที่หน้าตาตื่น เหงื่อแตกซิก
        “ไหงอีตาคุณเลขามาอยู่กับพ่อแม่ฉันได้เนี่ย”
        เอมิกาคิดแล้วก็ตัดสินใจเดินออกไป อัมพรกับอุทยานตกใจ วเรศแปลกใจหันหน้ากลับมา
        “ดิฉันขอตัวซักครู่นะคะ”
        อัมพรรีบลุกเดินออกไปทันที อุทยานทำหน้าไม่ถูก
     
        อัมพรรีบตามเอมิกาออกมา
        “เอมิกา”
        เอมิกาหยุดเดินแล้วก็หันไปเห็นสีหน้าอัมพรที่ไม่พอใจ
        “มาถึงแล้วทำไมไม่เดินมาที่โต๊ะ ออกมาข้างนอกอีกทำไม”
        เอมิกาอึกอักรีบแก้ตัว
        “เออ คือว่า เอมไม่รู้ว่าพ่อกับแม่มีแขกมาด้วย เอมก็เลยอยากไปเช็คความเรียบร้อยในห้องน้ำก่อน”
        “ห้องน้ำน่ะอยู่ในร้านไม่ได้อยู่ข้างนอก” อัมพรว่า เอมิกาหน้าแหย
        “ทำแบบนี้เสียมารยาท เกิดคุณวเรศเค้านึกว่าเรารังเกียจเค้าขึ้นมาจะทำยังไง”
        เอมิกาแกล้งทำไม่รู้เรื่อง
        “แล้วคุณวเรศนี่เค้าเป็นใครเหรอคะ”
        “เค้าเป็นเลขารัฐมนตรีกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ตอนนี้เค้ามีโปรเจกต์ที่ต้องทำงานร่วมกับคุณพ่อ”
        เอมิกาอึ้งยืนตัวแข็งอึ้งมาก
        “ไป เข้าไปข้างในได้แล้ว”
        อัมพรจับแขนลากเอมิกาเข้าไป เอมิกาทำอะไรไม่ได้นอกจากเดินตาม ทั้งๆที่หัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มแล้ว



       อัมพรจับแขนเอมิกาที่สีหน้าแย่พาเข้ามาในร้าน แต่พอเดินมามี่โต๊ะก็ไม่เห็นวเรศนั่งอยู่ก็โล่งอกสุดๆ
       “คุณวเรศล่ะคะ”
       “ไปห้องน้ำ” อุทยานบอก
       อัมพรพาเอมิกาเข้ามานั่งที่เก้าอี้ข้างที่นั่งวเรศ
       “แล้วไป นึกว่าเค้าไม่พอใจลูกสาวเราก็เลยกลับไปแล้ว”
       เอมิกายิ้มไม่ค่อยออกพยายามครุ่นคิดว่าจะทำยังไง
     
       บรรจงเอาน้ำส้มมาเสิร์ฟให้อรวิลาสที่นอนอ่านหนังสืออยู่ริมสระว่ายน้ำ
       “ไม่รู้ป่านนี้ยัยชะเอมจะเป็นยังไง”
       “โอ๊ย จะเป็นยังไงล่ะเจ้าคะ นอกจากมือเป็นระวิง มันไม่มีทางทำงานเสร็จทันตามที่คุณอรสั่งหรอกเจ้าค่ะ หลังจากวันนี้ไปคุณอรต้องใช้งานนังนั่นให้หนัก เอาให้มันไม่ได้พักเลยนะเจ้าคะ พอมันทนไม่ไหว มันก็ลาออกไปเอง”
       อรวิลาสคิดตามที่บรรจงพูดแล้วก็เห็นด้วย
     
       นอกตัวบ้านชื่นฤทัย นากหันมาทางนงลักษณ์กับปองเทพ
       “เหลือล้างรถอย่างเดียวเท่านั้น”
       นงลักษณ์ดึงหน้ากากลงมาไว้ตรงคาง
       “พี่นากสุดยอด สมกับเป็นมืออาชีพ”
       นากยิ้มยืดภาคภูมิใจในตัวเอง นงลักษณ์หันไปทางปองเทพ
       “ป่อง เฝ้าต้นทาง”
       “ครับพ้ม”
       ปองเทพทำวันทยาหัสถ์แล้วก็รีบออกไป นงลักษณ์กับนากช่วยกันล้างรถ
     
       ภายในร้านอาหาร เอมิกาดูลนลาน ตื่นเต้นเพราะยังคิดหาทางไม่ออกว่าจะทำยังไง เหงื่อแตกเต็มหน้าจนอัมพรกับอุทยานแปลกใจ
       “ยัยเอมทำไมเหงื่อเต็มหน้าขนาดนี้”
       “ร้อนมากเหรอลูก”
       “ใช่ค่ะ ในนี้ร้อนมาก ร้อนจนเอมรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้เลยค่ะ”
       เอมิกาดื่มน้ำอักๆๆ จนหมดแก้ว อัมพรกับอุทยานแปลกใจ แล้วเอมิกาก็เห็นวเรศกำลังเดินมาที่โต๊ะ เอมิการีบก้มหน้าพลางคิดในใจ
       “ฉันจะตายมั้ยเนี่ย”
       พลันทันใด เอมิกาก็นึกออกรีบเปิดกระเป๋าหยิบหน้ากากอนามัยกับแว่นดำขึ้นมาใส่ ทำให้อัมพรกับอุทยานแปลกใจ
       “ยัยเอมทำอะไร”
       “เอมรู้สึกแพ้อากาศกะทันหันน่ะค่ะ ฮัดเช้ย” เอมิกาแกล้งจาม
       “ใส่หน้ากากอนามัย พ่อพอจะเข้าใจ แต่ทำไมลูกต้องใส่แว่นดำด้วย”
       เอมิกาแกล้งทำเป็นคัน
       “อาการแพ้มันลามขึ้นไปที่ตาแล้วค่ะ ทั้งคันทั้งเคือง”
       แล้ววเรศก็เดินกลับมาที่โต๊ะ เห็นเอมิกาก็ผงะไปเล็กน้อยก่อนจะนั่งลงข้างๆ อัมพรแนะนำ
       “นี่เอมิกาลูกสาวดิฉันค่ะ นี่คุณวเรศจ๊ะ”
       เอมิการีบยกมือไหว้พร้อมก้มหน้า
       เอมิกาดัดเสียงใหญ่ทักทาย
       “สวัสดีค่ะ”
       อัมพรกับอุทยานผงะ เอมิกาแกล้งไอ
       “ต้องขอโทษด้วยนะคะ พอดีเป็นภูมิแพ้กะทันหัน แค่กแค่ก ฮัดเช้ย”
       วเรศมีท่าทางงงๆ
       “ไม่เป็นไรครับ ท่าทางคุณเอมิกาจะเป็นหนักนะครับ”
       “ใช่ค่ะ ท่าทางร้านนี้คงจะมีของบางอย่างที่ทำให้ฉันแพ้มาก”
       “เมื่อก่อนผมก็เป็นภูมิแพ้ แต่ว่าตอนนี้หายดีแล้ว เพราะว่าผมเล่นกีฬา”
       “ถ้างั้นว่างๆฝากพาลูกสาวฉันไปเล่นกีฬาด้วยสิคะ รายนี้ขี้เกียจเอาแต่นั่งๆนอนๆ ไม่ค่อยขยับตัวทำอะไรหรอกค่ะ” เอมิกาแทบสำลักน้ำลาย
       วเรศยิ้มแล้วก็ปรายตามองเอมิกาด้วยรู้สึกว่า ผู้หญิงคนนี้ประหลาดๆ ระหว่างนั้นพนักงานเอาอาหารมาเสิร์ฟ
       “อาหารมาแล้ว ทานข้าวกันเถอะ” อุทยานบอก
       ทุกคนกำลังจะกินข้าว เอมิกากำลังจะถอดหน้ากากอนามัยแล้วก็นึกขึ้นมาได้
       “ห้ามถอดเด็ดขาด ไม่งั้นอีตาคุณเลขาจำเราได้แน่” เอมิกาคิดในใจ
       “ทานข้าวสิ”
       “อ่า ขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
       เอมิการีบลุกขึ้นเดินออกไป วเรศหันมองตามไปแล้วนิ่วหน้าให้กับความแปลกของเอมิกา
     
       ภายในห้องน้ำ เอมิกาถอดผ้าปิดปากออกแล้วก็ถอนหายใจอย่างแรงเพราะหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง
       “เราอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว”
       เอมิกาคิดแล้วก็เปิดกระเป๋าหยิบชุดช่างออกมามอง