Tuesday, August 14, 2012

รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12 (2)


รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
       หน้าบ้านข้าวตูมืดสนิท ธีระเดินเข้ามากดออดแล้วทุกอย่างก็เงียบ ธีระหยิบดอกไม้ที่เขาเสียบเอาไว้ตอนเช้าออกมาดูก็เห็นดอกไม้แห้งเหี่ยว ธีระถอนใจแล้วขึ้นรถขับออกไป
     
       ธีระเดินมาตามทางเดินในสนามบิน นักบิน สจวตและแอร์โฮสเตสเดินตามมา ข้าวตูเดินเลี้ยวมาเห็นธีระก็ชะงัก ธีระมองเห็นข้าวตู ข้าวตูหันหลังแล้วเดินเลี้ยวซ้ายไปอีกทาง
       ธีระบอกลูกน้อง “พวกคุณเข้าไปก่อน เดี๋ยวผมตามไป”
       ธีระเดินตามข้าวตูไปอย่างรวดเร็ว
       “ตู เดี๋ยวสิตู” ธีระเรียก ข้าวตูชะงัก “พี่โทรไปทำไมไม่รับสาย”
       ข้าวตูนิ่ง ธีระพูดต่อ “ไม่เอาน่ะ อย่าทำอย่างนี้สิ พี่ขอโทษ”
       “พี่ธีไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ ตูไปทบทวนดูแล้วตูคิดว่าเราควรจะหยุดทุกอย่างไว้แค่นี้ ตูกำลังจะกลับอเมริกาค่ะ”
       “ไม่เอาน่าตู ไหนตูเคยบอกว่าตูเข้าใจเรื่องแม่พี่ ตูไม่สนใจว่าแม่จะชอบหรือไม่ชอบตูไม่ใช่หรือ”
       “ใช่ค่ะ ตูเคยบอก เพราะตอนนั้นตูคิดว่าปัญหามันอยู่ที่แม่พี่ธีแต่ตอนนี้ตูรู้แล้วว่าปัญหามันอยู่ที่ตัวพี่ธีมากกว่า”
       ธีระงง “ตัวพี่งั้นหรือ”
       “ใช่ค่ะ บางทีพี่ธีอาจจะไม่รู้ตัวเอง”
       “พี่ไม่เข้าใจ”
       “พี่ธีต่างหากที่เป็นฝ่ายรักแม่และให้ความสำคัญกับแม่พี่มากกว่าใครๆ ทั้งหมด”
       “ไม่จริงหรอกตู ที่พี่ทำอย่างงั้นก็แค่อยากให้แม่สบายใจ”
       “นั่นล่ะค่ะ พี่ธีอาจจะคิดว่าเรื่องที่ทำเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันเป็นเรื่องใหญ่สำหรับคนอื่น”
       ธีระอึ้ง
       “พี่อาจจะคิดว่าที่ผู้หญิงทุกคนไปจากพี่เป็นเพราะแม่พี่ แต่ที่จริงแล้ว ตูว่าสิ่งที่ทุกคนรับไม่ได้เป็นเพราะตัวพี่มากกว่า เพราะพี่เลือกที่จะอยู่ข้างแม่ อยู่กับแม่”
       “แต่คำว่าแม่นะตู ถ้าเราไม่รักแม่แล้วเราจะ ... “
       “ก็นี่ไงคะตูถึงต้องเป็นฝ่ายไป พี่ธีไม่ผิดหรอกค่ะ”
       “ไม่ไปได้มั้ยตู พี่รักตูนะ”
       “เอาไว้วันนึงที่ไม่มีแม่พี่ แล้วตูจะกลับมาหาพี่ ลาก่อนค่ะ ตูรักพี่ธี”
       ข้าวตูเอื้อมมือมาแตะมือธีระ
       “ถ้ามีรูทบินไปอเมริกาโทรกันบ้างนะคะ เผื่อจะได้กินข้าวกัน”
       ข้าวตูหันหลังเดินออกไป
       “ตู ...” ธีระเรียก ข้าวตูเดินไปสองก้าวแล้วหยุดก่อนจะหันมามอง ธีระพูดต่อ “ให้โอกาสพี่ได้มั้ย”
       ข้าวตูยิ้ม “เชื่อตู วันไหนที่พี่ไม่มีแม่ แล้วเราค่อยคุยกัน”
       ข้าวตูหันหลังเดินไปช้าๆ ธีระอึ้งแล้วมองตามอย่างสลดก่อนจะหันหลังเดินไปอีกทาง
       ธีระเดินเลี้ยวจากไป ข้าวตูหันมามองแล้วก็น้ำตารินไหล
       “ตูรักพี่ธีนะคะ” ข้าวตูหันหน้าเดินออกไป
     
       ธีระนั่งประจำที่นักบินแล้วดันคันเร่ง เขามองเห็นรันเวย์และเครื่องบินกำลังพุ่งขึ้น ธีระกดไฟหน้าจอแล้วเปิดสมุดการบิน เขาเห็นรูปข้าวตูที่ถ่ายคู่กับเขาเสียบอยู่ในนั้น ธีระชะงักมองแล้วก็เสียบรูปเก็บกลับไปแล้วปิดสมุด ธีระมองนิ่งไปข้างหน้า
     
       ช้อยป้อนข้าวจินดาอยู่ในห้องผู้ป่วย
       “เอานี่อีกคำนึง” จินดาอ้าปากรับ “เก่งมากพี่จิน” ช้อยชม
       จินดาเคี้ยวอาหาร
       “ของคาวเสร็จ ก็ตบฝรั่งซักชิ้นนะ” ภาบอก
       ภาส่งฝรั่งป้อนแต่จินดาส่ายหน้า
       “เอาน่า กินซักชิ้นจะได้ล้างปาก” ใหญ่คะยั้นคะยอ
       จินดาอ้าปากรับพอเคี้ยวไปสักพักก็สำลักเพราะฝรั่งติดคอ
       “ตายแล้วพี่ช้อย เอาน้ำมาเร็ว” ใหญ่ตกใจ
       ช้อยส่งน้ำป้อนจินดา จินดาสำลักบ้วนน้ำออกมาเต็มหน้าเพื่อนๆ
       “พี่จิน” ภาตกใจ
       แล้วจินดาก็ชักตาค้างแล้วหงายหลังไป
       “พี่จิน พี่จิน” ช้อยเรียก
       “เฮ้ย พี่จินเป็นอะไร ไปตามหมอมาเร็ว ยัยภา” ใหญ่รีบบอก
       ภาวิ่งออกไปจากห้องทันที
     
       ภาวิ่งออกมาที่เคาท์เตอร์พยาบาล
       “คุณพยาบาลคะ คุณพยาบาล”
       ภาวิ่งเข้ามาคว้าแขนหนูดี พยาบาลสาวสวยที่กำลังยืนหันหลังเขียนชาร์ตในกระดานอยู่
       “ไปดูคนไข้หน่อยค่ะ คนไข้สำลักชักตาตั้งอยู่ในห้องค่ะ”
       “ห้องไหนคะ” หนูดีถาม
       “ห้องนู้นค่ะ”
       ภาลากแขนหนูดีวิ่งออกไป
     
       หนูดีเปิดประตูห้องจินดาเข้ามากับภา ช้อยกับใหญ่กำลังรุมจินดาที่นอนหมดสติอยู่
       “พี่จิน อย่าเพิ่งเป็นอะไรนะ” ช้อยว่า
       “พี่จินต้องไม่ตายนะ” ใหญ่รีบบอก
       หนูดีเข้ามาดูจินดา
       “ถอยออกไปก่อนค่ะ”
       “คุณพยาบาลต้องช่วยพี่จินนะคะ” ภาบอก
       “คนไข้เป็นอะไรคะ” หนูดีถาม
       “ไม่ทราบค่ะ” ใหญ่ตอบ “ทานข้าวต้มอยู่ดี ๆ แล้วก็ทานฝรั่งไปคำเดียวก็สำลักตาค้าง”
       หนูดีเข้ามาปั๊มหัวใจจินดาทันที
       “พี่จินต้องไม่ตายนะ” ช้อยพูด
       “พี่จินฟื้นสิ” ภาร้องออกมา
       หนูดีกดปั๊มหัวใจแล้วก็เป่าปากจินดา จินดาสำลักออกมา หนูดีหยิบออกซิเจนมาใส่ให้ก่อนจะหยิบทิชชู่มาเช็ดปากให้แล้วจึงหันไปคว้าโทรศัพท์
       “ต่อคุณหมอวิชิตด่วนค่ะ คนไข้ห้อง.... มีอาการน๊อคค่ะ”
       “พี่จินเป็นอะไรคะ” ช้อยถามหนูดี
       “ตอนนี้ยังไม่ทราบค่ะ คุณป้าถอยออกไปก่อนนะคะ”
       ช้อย ภา และใหญ่ถอยออกไป หนูดีหยิบเครื่องออกมาเสียบตามนิ้ว
     
       กบกดโทรศัพท์อยู่ที่ทางเดินในโรงพยาบาล
       “ธีหรือ”
       ธีระพูดโทรศัพท์กับกบอยู่ที่ทางเดินริมถนนในต่างประเทศ
       “ครับพี่กบ มีอะไรพี่ แม่เป็นอะไร”
       “อยู่ๆแม่ก็สำลักอาหารแล้วก็ช๊อค” กบบอก
       “แล้วไงครับ” ธีระถามต่อ
       “แต่ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว แล้วนายจะกลับเมื่อไหร่”
       “พรุ่งนี้ครับ”
       “แค่นี้นะ พี่โทรมาบอกให้นายรู้”
       “ครับ พรุ่งนี้ลงเครื่องแล้วผมจะรีบไปโรงพยาบาล แล้วพี่แดงล่ะครับเป็นไงบ้าง” ธีระถาม
       “หมอให้ยานอนหลับอยู่” กบบอก
       “แล้วผลตรวจเป็นไงครับ”
       “หมอยังไม่บอก แต่วันนี้ให้ไปตรวจซ้ำ”
       ธีระถอนใจหนัก “ชีวิตผมช่วงนี้คงป็นช่วงที่แย่ที่สุด”
       “มีอะไรหรือ”
       “เอาไว้กลับไปค่อยคุยกันพี่กบ”
       “อืมม์ แล้วเจอกัน” กบวางสายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
       ธีระวางสายแล้วถอนหายใจ
     
       จินดานอนหลับตานิ่งอยู่ในห้องผู้ป่วย ช้อยนั่งร้องไห้อยู่ข้างๆ เตียง
       “ฮือ ฮือ ชั้นไม่น่าเอาน้ำให้พี่จินกินเลย”
       “ชั้นต่างหากที่คะยั้นคะยอให้พี่จินกินฝรั่ง” ใหญ่ออกตัว
       “ชั้นสิไม่น่าให้แกกินชิ้นใหญ่ แกเลยมาตายเพราะน้ำมือชั้น” ภาบอก
       หนูดีเปิดประตูเข้ามา
       “คุณพยาบาลคะ พี่จินตายแล้วค่ะ” ช้อยบอก
       หนูดีตกใจ “หา ...จริงหรือคะ”
       “ค่ะ เพิ่งตายเมื่อครู่นี้เอง ยังไม่ได้ร่ำลาก็ขาดใจซะแล้ว” ภาว่า
       “พวกเราไม่น่าฆ่าพี่จินเลย” ใหญ่คร่ำครวญ
       หนูดีวิ่งเข้าไปดูที่เตียงก็เห็นจินดานอนหลับ
       “ยังหรอกค่ะ คุณป้ายังไม่ตายหรอก” หนูดีบอก
       “แต่เมื่อกี้ตายไปแล้วนะคะ” ช้อยบอก
       “ไม่ใช่หรอกค่ะ”
       จินดาลืมตาตื่นขึ้นอย่างมึนงง
       “ชั้นยังไม่ตายหรอก แม่ช้อย” จินดาพูด
       ช้อยหันไปมอง “หา พี่จิน”
       “นี่พี่จินยังไม่ตายหรือ” ภาดีใจ
       “พี่จินฟื้นแล้วหรือ” ใหญ่ถาม
       “ชั้นขอโทษนะพี่จิน พวกเราไม่น่าวางยาพี่จินเลย” ภาบอก
       “ชั้นยังตายไม่ได้หรอก ตราบใดที่ยังไม่เห็นหน้าลูก” จินดาพูด
       “หา...นี่พูดชัดขึ้นแล้วนี่” ช้อยว่า
       “เออใช่ หลังจากฟื้นพูดชัดขึ้นเยอะเลย” ใหญ่เห็นด้วย
       “พี่จินนะพี่จิน พวกเราตกใจกันใหญ่นึกว่าเสียพี่จินไปแล้วซะอีก”
       “ขอโทษนะคะ” หนูดีแทรกขึ้น “หนูว่าให้คุณป้าได้พักฟื้นซักนิดดีกว่านะคะ”
       “ไป ไป พวกเราให้พี่จินพักหน่อย” ใหญ่บอกเพื่อนๆ
       “เราอยู่ข้างนอกนะพี่จิน” ช้อยบอกจินดา
       “ไม่ต้องกลัวนะ พวกเราจะไม่ไปไหน จะอยู่กับพี่จินจนวันตาย” ภาพูด
       แล้วป้าทั้งสามก็เดินออกไป จินดาพูดกับหนูดี
       “ขอน้ำกินหน่อย”
       “ได้ค่ะ” หนูดีรินน้ำใส่แก้ว จินดามอง หนูดีป้อนน้ำให้ “ช้าๆนะคะคุณป้า”
       จินดาดื่มน้ำเสร็จ หนูดีหยิบทิชชู่มาซับปากให้
       “ขอบใจลูก” จินดาบอก
       “คุณป้าเป็นยังไงบ้างคะ แน่นหน้าอกมั้ยคะ”
       “ไม่จ้ะ” จินดายิ้มให้หนูดีแล้วเอ่ยถาม “หนูชื่ออะไร”
       “หนูดีค่ะ คุณป้านอนพักนะคะ” หนูดีจะเดินออกจากห้อง
       “เดี๋ยวจ้ะหนู”
       “มีอะไรคะ”
       “หนูเห็นลูกชายป้ามาเยี่ยมบ้างมั้ย”
       “ยังเลยค่ะ”
       “แล้วลูกสาวป้าล่ะ”
       “ไม่มีนะคะ”
       “แล้วลูกเขยล่ะคะ”
       “ยังไม่มาค่ะ แต่เดี๋ยวก็คงมา คุณป้าพักเถอะค่ะ” หนูดีบอก
       จินดาพยักหน้า หนูดีเดินออกไป จินดานึกถึงแดงแล้วก็แปลกใจ
       “แดงมันเป็นอะไร ทำไมไม่มาเยี่ยมเรา”
     
       ช้อยบอกกับเพื่อนๆ ที่หน้าห้องผู้ป่วย
       “พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
       “เออ มัวตกใจช๊อคเรื่องพี่จิน เลยลืมกินข้าวเลย” ใหญ่คิดได้
       “ชั้นว่าไปกินชั้นบนกันมั้ย เค้าว่ามีศูนย์อาหารนะ” ภาชวน
       “แต่มันแพงนะ ชั้นว่าไปกินข้างโรงพยาบาลเถอะ” ช้อยเสนอ
       “ไม่ต้องห่วงพี่ช้อย มื้อนี้ชั้นเลี้ยงเอง” ภาบอก
       “งั้นจะรอช้าทำไม ไปเลยน้องภา”
       แล้วทั้งสามก็ลุกเดินออกไป
     
       ลิฟต์เปิดออก คนไข้นอนอยู่บนเตียงรถเข็น บุรุษพยาบาลยืนอยู่ข้างๆ เตียง ป้าทั้งสามมอง
       “ไปได้มั้ยคะ” ใหญ่ถาม
       “เชิญครับ”
       ป้าทั้งสามเดินเข้าไปในลิฟต์ แล้วลิฟต์ก็ปิด
     
       ช้อยมองไปที่เตียงคนไข้แล้วก็ตกตะลึง
       “หา ..” ช้อยหันไปสะกิดเรียกภา “ภา”
       “อะไรพี่ช้อย” ภาถาม
       “ดูสิ” ช้อยชี้ไปที่เตียงคนไข้
       “ทำไม คนไข้ตายหรือ” ภาถาม
       “ไม่ใช่ ดูสิ”
       “ไม่เอา ชั้นไม่กล้าดู” ภาปิดตา
       “น้องใหญ่ดูสิ” ช้อยบอกใหญ่
       ใหญ่หันมองไปที่เตียงแล้วก็ตะลึง
       “หา .. ยัยแดง”
       “ใครนะ” ภาถาม
       “ก็หันมามองสิ” ช้อยบอก
       ภาหันมามองที่เตียง แดงลืมตามอง
       “แดง” ภาตกใจ
       แดงตกใจ “ป้าภา ป้าช้อย ป้าใหญ่”
       “นี่หนูเป็นอะไรเนี่ย” ภาถาม
       “นั่นสิ ทำไมต้องโกนหัวด้วยล่ะลูก” ใหญ่ถาม
       “หนูเป็นเนื้องอกในสมองค่ะ” แดงบอก
       “หมายความว่าที่หนูไม่ได้มาเยี่ยมแม่ก็เพราะ ...” ช้อยเริ่มเข้าใจ
       “หนูขอร้องนะคะคุณป้า อย่าเล่าให้แม่ฟังนะคะ เดี๋ยวท่านจะยิ่งเป็นห่วงไม่สบายหนัก” แดงบอก
       ช้อยรับคำ “จ้ะจ้ะ”
     
       ลิฟต์เปิดออก บุรุษพยาบาลจะเข็นเตียงที่แดงนอนอยู่ออก
       “ขอโทษครับ”
       “แล้วนี่จะไปไหนลูก” ภาถาม
       “ไปตรวจน่ะค่ะ อย่าบอกแม่นะคะ” แดงกำชับ
       ใหญ่รับคำ “จ้ะจ้ะไม่บอก”
       บุรุษพยาบาลเข็นเตียงออกไป แดงหันมาย้ำ
       “สัญญานะคะ”
       ช้อย ภาและใหญ่รับคำพร้อมกัน “จ้ะ สัญญา”
       บุรุษพยาบาลเข็นเตียงออกไป
       “นี่มันอะไรกันเนี่ยพี่ช้อย พี่จินก็ป่วยหนัก ยัยแดงดันมาเป็นเนื้องอกอีก” ภาตกใจ
       “นี่มันเคราะห์ซ้ำกรรมซัดอะไรกัน” ช้อยว่า
       “แสดงว่าช่วงนี้พี่จินดวงตกมากนะ” ใหญ่บอก
       “เฮ้อ พูดแล้วกินข้าวไม่ลง” ภาพูด
       “แต่ชั้นกินลงนะ ชั้นหิวมาก” ช้อยว่า
     
       หมอกดดูภาพในจอคอมพิวเตอร์ ภาพCTสแกนสมองหลายภาพปรากฏขึ้น หมอกดดูแล้วถอนใจ กบกับแดงนั่งอยู่ในห้องตรงข้ามหมอ
       “ผลการตรวจเป็นยังไงบ้างครับ” กบถาม
       “ชิ้นเนื้อที่เราตรวจมันเป็นเนื้อร้ายครับ” หมอบอก
       “มะเร็งหรือคะ” แดงถาม
       “ครับ เป็นระยะเริ่มต้น”
       “แล้วมันอันตรายมากแค่ไหนครับคุณหมอ” กบถาม
       “ก็อันตรายนะครับ ในขั้นต้นนี่เราจะฉายรังสีดูก่อน”
       “มีโอกาสหายมั้ยคะ”
       “หมอยังยืนยันอะไรไม่ได้ แต่ยังนับว่าโชคดีที่เราตรวจเจอก่อน หมอว่าอย่าเพิ่งวิตกอะไรมาก เราค่อยๆรักษากันไป”
       “ค่ะ ขอบคุณคุณหมอมากนะคะ”
       แดงมองกบอย่างอึ้งๆ แล้วน้ำตาก็ไหลออกมา กบดึงภรรยาเข้ามากอด
       “ต้องหายแดง เชื่อพี่ แดงต้องหายเป็นปกติ”
       แดงพยักหน้าทั้งๆ ที่น้ำตารื้น
     
       ช้อย ภาและใหญ่เปิดประตูห้องพักของจินดาเข้ามาด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี จินดามองทั้งสามแล้วถามขึ้น
       “ไปไหนกันมา”
       “กินข้าวจ้ะพี่จิน” ช้อยตอบ
       “อร่อยมั้ย” จินดาถามต่อ
       “ก็พอกินได้ แต่สู้ฝีมือพี่จินไม่ได้หรอก” ภาหยอด
       “ใช่ แกงไก่ก็น้ำใสยังกะใส่หางกระทิ” ใหญ่ว่า
       “เอาไว้ให้ชั้นออกจากโรงพยาบาลก่อนจะแกงให้กิน” จินดาบอก “ใครมีโทรศัพท์มือถือ ขอยืมหน่อยซิ”
       “จะโทรหาใคร” ช้อยถาม
       “จะโทรหานังแดงซะหน่อย ตั้งแต่เข้าโรงพยาบาลไม่เห็นหน้ามันเลย”
       “แดงเค้าไม่ว่างหรอกพี่จิน” ช้อยบอก
       “แต่ชั้นเป็นแม่มัน จะตายอยู่รอมร่อ มันจะไม่มาดูหน่อยหรือ”
       “พี่จินนี่นะ พอพูดได้ก็ด่าลูกแล้ว แดงมันคงอยากมา แต่มาไม่ได้” ใหญ่ว่า
       “ทำไมจะมาไม่ได้ ผัวมันมัดขาไว้หรือไง ขอโทรไปด่ามันหน่อย”
       “อย่าไปด่ามันเลยพี่จิน ตอนนี้ตัวมันเอง ยังเอาตัวไม่รอดเลย” ภาหลุดปาก
       จินดาชะงัก “แดงมันเป็นอะไรยัยภา”
       ช้อยตีแขนภาทันที “ภา พูดอะไร”
       “แดงมันเป็นอะไรพี่ช้อย” จินดาถาม
       “เปล่า ไม่ได้เป็นอะไร” ช้อยบอก
       “ใช่ ไม่ได้เป็นอะไร ยัยภาเค้าหมายความว่าไหนจะลูก ไหนจะผัว ไหนจะงานที่ร้าน” ใหญ่พูด
       “ใช่ ใช่ ช่วงนี้เค้าว่าขายดีมากนะ ต้นไม้ที่ร้านไม่เหลือซักต้นเลย” ภารีบสนับสนุน
       “จริงหรือ” จินดาถาม
       “ใช่จ้ะ พี่จิน หลังน้ำท่วมคนเค้าก็มากวาดซื้อต้นไม้กัน” ช้อยบอก
       “แต่ถึงยังไง ชั้นก็อยากจะเจอมันซะหน่อย ขอยืมโทรศัพท์หน่อยแม่ใหญ่”
       ใหญ่มองโทรศัพท์ “ว้าย ของชั้นแบตหมด”
       “พี่ช้อยล่ะ” จินดาถาม
       “ของชั้นก็แบตหมด” ช้อยบอก
       “เมื่อกี้ชั้นเข้าส้วม เพิ่งทำตกลงไปในชักโครก” ภาบอก
       “เป็นงั้นไป ชั้นเลยไม่ได้โทรหายัยแดงเลย” จินดาเสียดาย
       ทันใดนั้นหนูดีก็เปิดประตูเข้ามา
       “หนูดีจ๋า ขอป้ายืมโทรศัพท์หน่อยได้มั้ยลูก” จินดาถาม
       “คุณป้าจะโทรหาใครหรือคะ”
       “จะขอโทรหาลูกสาวหน่อยจ้ะ”
       ช้อย ภา และใหญ่พูดพร้อมกัน “อย่าให้ค่ะคุณพยาบาล”
       หนูดีชะงัก จินดามองด้วยความสงสัย
       “ทำไม พวกแกห้ามชั้นทำไม” จินดาถาม
       “เปล่า ไม่มีอะไร” ช้อยปฏิเสธ
       “นี่ค่ะ” หนูดีส่งมือถือให้
       “ขอบใจมากนะจ๊ะ”
       จินดากดโทรออกหาแดง ทั้งสามป้ามองหน้ากันอย่างเคร่งเครียด
     
       เสียงโทรศัพท์มือถือของกบดังขึ้น กบมองโทรศัพท์ด้วยความแปลกใจ ส่วนแดงนอนอยู่บนเตียง
       “เบอร์ใคร” กบรับสาย “ฮัลโหล”
       จินดาพูดโทรศัพท์อยู่ในห้องผู้ป่วย
       “กบหรือ”
       “แม่หรือครับ”
       “ใช่ ขอพูดสายกับแดงหน่อย”
       กบหันมาบอกแดง
       “แม่โทรมา”
       แดงชะงักมอง ก่อนจะพยักหน้าแล้วรับโทรศัพท์จากกบ
       “หวัดดีค่ะแม่”
       “นี่ ยัยแดงแกหายหัวไปไหน แม่เจ็บจะตาย ไม่เห็นแกมาเยี่ยม แม่เลย” จินดาว่า
       แดงพูดทั้งที่น้ำตาคลอ “หนูไปแล้วค่ะ แต่แม่หลับอยู่”
       “แต่แม่ถามพยาบาลเค้าบอกไม่เห็นแกมาเยี่ยม แล้วนี่แกอยู่ไหน”
       “อ๋อ หนูอยู่ร้านน่ะค่ะ”
       “แล้วเย็นนี้แกจะมาเยี่ยมแม่มั้ย”
       “เอ่อ หนูไปไม่ได้ค่ะ”
       “ทำไมล่ะ แกมีธุระอะไร แม่คิดถึงไตรตั้นนะ พาไตรตั้นมาหาแม่หน่อย”
       “ตั้นไปเข้าค่ายลูกเสือน่ะค่ะ”
       “แล้วแกจะมาเยี่ยมแม่เมื่อไหร่”
       “พรุ่งนี้แล้วกันนะแม่”
       “อืมม์” จินดาวางสายแล้วหันมาบอกเพื่อนๆ “นี่ไงพอเราโทรไปมันถึงบอกจะมาเยี่ยม”
       ป้าทั้งสามฝืนยิ้ม
       แดงวางสายแล้วน้ำตารื้น กบหันมาถามแดง
       “จะไปได้ไงแดง ถ้าแม่เจอแดงสภาพแบบนี้แม่ต้องรู้นะ”
       “พี่กบช่วยซื้อวิกให้หน่อยแล้วกัน ชั้นก็อยากไปเยี่ยมแม่ ชั้นคิดถึงแม่” แดงบอกแล้วก็ร้องไห้ กบพยักหน้ารับก่อนจะดึงแดงมากอดเพื่อปลอบใจ
     
       ลิฟต์ในโรงพยาบาลเปิดออก ธีระในชุดกัปตันเดินออกมา
       ธีระเปิดประตูห้องผู้ป่วยเข้ามา เขาเห็นหนูดีจากทางด้านหลังกำลังป้อนอาหารให้จินดาอยู่ จินดามองเห็นธีระก็ทักขึ้น
       “ธี ลูกแม่”
       “หวัดดีครับแม่”
       หนูดีหันมามอง ธีระเข้ามากอดแม่
       “แม่เป็นยังไงบ้าง”
       “แม่หายดีแล้วลูก แล้วลูกล่ะ”
       “ผมก็สบายดีครับ นี่แม่ทานข้าวอยู่หรือครับ”
       “จ้ะ”
       “มาครับ ผมป้อนให้ดีกว่า”
       หนูดีหันมาส่งชามข้าวต้มให้ธีระ
       “เชิญเลยค่ะ คุณป้าต้องทานให้หมดนะคะ แล้วนี่ยานะคะ” หนูดีหยิบยาส่งให้
       “จ้ะ ขอบใจนะ”
       หนูดีเดินออกไป ธีระตักข้าวป้อนแม่
       “มาครับแม่” จินดาอ้าปากรับข้าว “อร่อยมั้ยครับ”
       “อร่อยลูก”
       จินดาเคี้ยวข้าวแล้วมองธีระ ธีระตักป้อนอีก
       ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ประตูห้องเปิดออก แดงก้าวเข้ามา ธีระหันไปมองก็เห็นแดงใส่วิกผมสั้นอยู่ในชุดปกติเดินเข้ามากับกบ
       “แดง”
       แดงเดินเข้ามากอดจินดา
       “แม่”
       แดงน้ำตารื้น ธีระกับกบมอง
       “แกร้องไห้ทำไม แม่ยังไม่ตายซะหน่อย” จินดาว่า
       “หนูคิดถึงแม่” แดงบอก
       “หึ คิดถึง ถ้าแม่ไม่โทรไปแกก็ไม่มาเยี่ยม”
       “แดงมาทุกวันนะครับ แต่แม่หลับ” กบบอก
       “แกเหมือนกันเจ้ากบ ถ้าเมียไม่มาก็ไม่เห็นหน้า” จินดาว่า
       “อย่าไปว่าพี่กบเลยครับ” ธีระจับมือแดง “พี่แดงโอเคใช่มั้ย”
       แดงฝืนยิ้มแล้วพยักหน้า
       “วันนี้แม่ค่อยมีความสุขหน่อย ครอบครัวเราได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ขาดไตรตั้นคนเดียว แล้วไตรตั้นกลับจากค่ายเมื่อไหร่” จินดาถาม
       “อาทิตย์หน้าค่ะ” แดงตอบ
       “อาทิตย์หน้าแม่ก็กลับบ้านแล้ว” จินดาบอก
       “กินอีกคำนะครับแม่” ธีระตักข้าวป้อนอีก
       “แม่อิ่มแล้วลูก”
       “พี่แดงส่งยาให้แม่ที” ธีระขอ
       แดงหยิบยาหยิบน้ำส่งให้ “นี่ค่ะแม่ น้ำ”
       จินดาหยิบยาใส่ปาก จินดามองธีระกับแดงอย่างอุ่นใจ ธีระเหลือบมองกบก็เห็นกบสีหน้าไม่ดี

No comments:

Post a Comment