Monday, October 22, 2012

อ่านละครแรงเงา ตอนที่ 11 (1)


คืนนั้นที่คอนโดรัชนกมีเพียงสลิปบางเบานอนตาปรือ ผมรุ่ยร่าย ซบอยู่กับไหล่ประสิทธิ์ชัยที่นอนตระกองกอดอยู่
     
       “คุณสิทธิ์คะ”
       “จ๋าจ้ะ”
       “นกได้ข่าวว่าคุณกำลังหมั้นหมายกับลูกสาวคุณหญิงวิจิตรา”
       ประสิทธิ์ชัยตาเหลือก
       “หือม์ อะไรกัน คุณนกไปได้ข่าวมาจากไหน”
       ประสิทธิ์ชัยขยับตัวออกทำเป็นขยับผ้าห่ม ซ่อนสายตา รัชนกยันกายขึ้น
       “นกกำลังถามคุณต่างหากคะว่ามันจริงหรือเปล่า”
       “โธ่ ไม่จริงสักหน่อย แม่ผมน่ะเขาสนิทกับคุณหญิง เขาดูๆ ยายไฮซีดนี่ให้พี่ผม นกไปอ่านมาจากคอลัมน์ซุบซิบหรือเปล่า พวกนี้น่ะเต้าข่าวข่าวเต้าทั้งนั้น”
       “จริงนะคะ”
       “จริงซี ผมจะโกหกนกทำไม”
       “นกกลัวค่ะ นกกลัวว่าคุณจะทิ้งนกไป”
       “ไม่มีวัน ผมไม่มีทางทิ้งคุณ ต่อให้แม่หายายไฮโซมาให้ผมเป็นสิบคน ผมก็จะเลือกนกคนเดียว นกเป็นคนเดียวที่ผมรัก”
       รัชนกพูดไปน้ำตารินเป็นสาย ประสิทธิ์ชัยจูบซับน้ำตา ทันใดไฟก็ติดรัชนกลืมตาแววตากลายเป็นยั่วยวน
       “ดีใจจังเลย อาบน้ำแช่น้ำอุ่นกันเถอะค่ะ เดี๋ยวนกถูหลังให้นะ”
       “ได้เลย”
       “แต่ก่อนอื่น ไล่จับนกให้ได้ก่อนนะคะ”
       รัชนกกระโดดลงจากเตียง ประสิทธิ์ชัยวิ่งไล่จับ รัชนกหัวเราะเริงร่าวิ่งไปมา ประสิทธิ์ชัยกระโดดกอด รัชนกดิ้นหนี วิ่งไปรอบๆ ห้อง กระโดดขึ้นเตียงบ้างประสิทธิ์ชัยทำท่าขู่คำรามรัชนกหัวเราะระรื่น
       ที่ผนังห้องมีกล้องแอบถ่ายซ่อนอยู่ที่ภาพใบหน้าผู้หญิงของปิกัสโซ่ สายกล้องโยงออกมาที่ห้องศักดิ์ชายและโยงภาพเข้าเครื่องคอมฯ ขณะนั้นศักดิ์ชายนุ่งกางเกงยีนส์ อกเปลือย ยิ้มพอใจกับภาพที่ได้
       “นกยังไม่มีแฟนค่ะ เพราะพี่ชายนกคุมเข้มแบบไม่ให้คลาดสายตาเลยค่ะ”
       ศักดิ์ชายยิ้มกับเสียงหัวเราะของประสิทธิ์ชัยและรัชนก
     
       วันต่อมานพนภาและเนตรนภิศอยู่ในร้านเสื้อแบรนด์เนมบนห้างดังที่สุดของประเทศไทย รอบกายมีแต่ชุดดีไซน์หรูเริ่ด แม้แต่พนักงานก็เสื้อผ้าหน้าผมคมกริบไปหมด ยืนยิ้มเย็นชารับลูกค้า
       “พี่นภาขา วิธีแก้เครียดไม่มีอะไรดีเท่าช็อปบำบัดค่ะ”
       “ที่แกพูดน่ะถูก แต่ของในร้านนี่ไม่ใช่สำหรับแก ชุดนี้เท่ากับเงินเดือนผัวแกทั้งเดือนเลยนะ แกลองดูซิ”
       “ค่ะ พี่นภา”
       เนตรนภิศยิ้มประจบแต่ดวงตาอาฆาต คว้าชุดเดินเข้าห้องลองไป นพนภาเดินแยกมาแล้วชะงักเมื่อเห็นร่าง มุนินทร์และลูกศรกำลังเลือกเสื้อผ้าลดราคาอยู่
       “นังมุตตา”
       นพนภาตรงไปหามุนินทร์ทันที
       นพนภาเดินแยกมาแล้วชะงัก เมื่อเห็นร่างมุนินทร์และลูกศรกำลังเลือกเสื้อผ้าลดราคาอยู่
       “นังมุตตา”
       นพนภาตรงไปหามุนินทร์ทันที แล้วกระชากมือมุนินทร์ที่กำลังหยิบชุดมาดู ชุดกระเด็นไปทั้งไม้แขวน
       “อ้อ กำลังใช้เงินผัวฉันมาซื้อของแบรนด์งั้นเหรอ ไม่ต้องซื้อหรอกอีเมียน้อยหน้าด้าน”
       ลูกศรตะลึงงันไป แต่มุนินทร์ไม่มีท่าทีสะดุ้งสะเทือนอะไรสะบัดมือออกจากนพนภา
       “สวัสดีค่ะ คุณเมียหลวงหน้าโบท็อกซ์ รู้สึกว่ารสนิยมเราตรงกันหลายเรื่องนะคะ แต่ชุดนี้ฉันว่าเหมาะกับหญิงสาวผอมเพรียวมากกว่าหญิงแก่สเตย์แตกนะคะ”
       นพนภาตาวาวกระชากชุดมา ชุดขาดแควก พนักงานขายเลิกผู้ดี ลูกศรตะลึงงัน
       “ว้าย ขาดแล้ว”
       “อะไรที่เป็นของฉัน แกไม่มีวันแย่งไปได้”
       “ก็เห็นแย่งคืนได้แต่ของชำรุด มีตำหนิเท่านั้นเอง”
       “ร้านระดับนี้ เขาไม่ต้อนรับแกหรอกนะ นังโสเภณี”
       พนักงานขายอื่นๆ ผู้จัดการร้านวิ่งมาดู เนตรนภิศวิ่งออกมาถือชุดมาด้วย ยังไม่ได้ลอง
       “แปลว่าร้านนี้ ต้อนรับเฉพาะ แม่เล้า”
       “อี...”
       “เอ ลืมเสียแล้ว ผับคุณชื่ออะไรนะคะ”
       “เดอะซอง แกจะทำไม”
       “แล้วทำไม ใครต่อใครถึงเรียกกันว่าเดอะซ่องล่ะคะ ดีจังนะคะ เปิดหน้าสถานศึกษาขานรับนโยบายเซ็กส์ในวัยเรียนหรือไงคะ”
       “แกอย่ามาป้ายขี้ ฉันแค่เปิดร้านใครทำระยำตำบอนไม่เกี่ยวกับฉัน”
       “คุณกับสามีนี่เหมือนกันจังนะคะ คิดถึงแต่ตัวเอง ใครจะพินาศยังไงก็ไม่สนใจ มิน่าถึงอยู่กันยืด”
       “ใช่ ภพกับฉันจะอยู่กันจนตายจาก ไม่เหมือนแกนังโสเภณีรายคืน”
       มุนินทร์ยิ้ม ยืนระทดระทวย
       “โสเภณีมีไว้ระบายความใคร่เป็นรายครั้งค่ะ ไม่ใช่ระบายความรัก สามีคุณเขารักฉันจนถอนตัวไม่ขึ้น”
       นพนภาสะเทือนสุดขีดเพราะกลัวว่าจะเป็นจริง น้ำตาไหลมาสายหนึ่งจนต้องเชิดหน้าปาดออก มุนินทร์มองอย่างอึ้งไปเมื่อเห็นน้ำตาลูกผู้หญิงด้วยกัน ความรู้สึกเห็นใจวูบขึ้น
       “อ้อ รักเหรอ คนต่ำๆ อย่างแก รู้จักความรักด้วยเหรอ”
       มุนินทร์ชิงชังขึ้นมาอีก
       “อุ๊ยตาย นั่นน้ำตาหรือคะ”
       “ไม่ใช่”
       “ถ้าไม่ใช่ก็คงเป็นโบท็อกซ์รั่ว”
       “แก อี”
       นพนภาจะเข้าใส่มุนินทร์ มุนินทร์ตั้งการ์ดทันที เนตรนภิศรีบยึดไว้
       “อย่าค่ะพี่ ไม่คุ้มกัน อีนี่มันเหล็กไหล”
       “ค่ะ ฉันมันเหล็กไหลถึงไม่ต้องไปดึงไปทึ้งไงคะ เฮ้อ ให้ดึงให้ทึ้งยังไงบทผัวจะทิ้งมันก็ทิ้งนะคะ ตาย ถ้าต้องหาใหม่ตอนกลางคนนี่คงต้องลดแลกแจกแถมกันเหนื่อยแย่ ดีไม่ดีมันขอรับแต่ของแถมไม่เอาตัว”
       นพนภาร้องกรี๊ดเงื้อมือถลันเข้ามาอีก มุนินทร์ล้วงมือลงในกระเป๋าตวัดขึ้นจ่อไว้ทั้งกระเป๋า
       “อี”
     
       “ระวังนะคะ ในกระเป๋าฉันมีปืนเกิดลั่นเปรี้ยงปร้างออกมา ฉันไม่อยากให้มีใครต้องเจ็บตัว”

 ผู้จัดการร้าน สองพนักงานขายถอยกรูดไปยืนกอดกัน เนตรนภิศถอยไปอีกคนทิ้งพี่สาวลำพัง นพนภาชะงักแต่เชิดหน้าทำเข้มแข็ง
       
     
       “ต้องมีคนเจ็บตัวซี คราวก่อนๆ แกรอดไปได้เพราะฉันกำชับเอาไว้ว่าอย่าให้ถึงตาย แต่คราวนี้ฉันจะให้มันข่มขืน กรีดหน้าแกให้ยับ เอาให้ไม่ตายก็ต้องนอนเป็นอัมพาตไปจนตลอดชีวิต”
       นพนภาพูดเน้นทุกคำ ไม่รู้ว่าคือการกำหนดวิบากของตัวเอง
       “อย่างนี้ก็เจอข้อหาจ้างวานฆ่าซีคะ”
       “ใช่ ขอให้แกตายเถอะ ฉันยอมได้ทุกอย่าง”
       มุนินทร์อมยิ้มพยักเพยิดไปทางเพดาน
       “ช่วยยืนยันกับซีซีทีวีตรงนั้นอีกครั้งซีคะ อ้อ คุณสามคนช่วยเป็นพยานด้วยนะคะ” นพนภาเห็นกล้องวงจรปิดก็ชะงัก แต่ทำไม่กลัว เนตรนภิศตาลุกตกใจ “มีทั้งพยานบุคคล พยานวัตถุอย่างนี้ คงดิ้นไม่หลุดหรอกนะคะ ถ้าฉันเป็นอะไรไป เลิกเล่นสกปรกซะทีเถอะค่ะ”
       “แก”
       “ลาก่อนนะคะ อ้อ ถ้ามีอะไรฉันจะติดต่อไป เอ ไม่ต้องซีบอกฝากสามีเรา ไปก็ได้ ลาอีกครั้งค่ะ”
       มุนินทร์เดินไปกับลูกศรที่ยังหน้ามึนอยู่
       “พี่นภาวงจรปิดบันทึกไว้ได้จริงๆ ด้วย พี่ไม่น่าไปเสียรู้มันเลย”
       นพนภากำลังหอบมือเกร็ง เส้นโลหิตที่ขมับโป่ง แล้วอย่างที่ไม่มีใครคาด นพนภาหันขวับมาตบเนตรนภิศฉาดลงไปกองที่พื้น
       “ว้าย”
       นพนภายืนกุมอกจากนั้นก็ทรุดฮวบลง ผู้จัดการและพนักงานเข้ามาประคอง
       “เป็นโรคหัวใจรึเปล่าครับนี่ ยาดม อย่ามุง เดี๋ยวไม่มีอากาศหายใจ”
     
       เนตรนภิศลุกขึ้นกุมแก้มมองดู นพนภาหลับตาหายใจระรวย เนตรนภิศจากตกใจกลายเป็นสะใจ และกลายเป็นเกิดความคิดบางอย่าง
     
       มุนินทร์ยืนพิงข้างรถ หอบหายใจ มีแววทุเรศตัวเองผุดมาแทนความสะใจ ลูกศรยืนอยู่ข้างๆ
       “พกปืนมาจริงๆ เหรอ” ลูกศรหยิบกระเป๋า ไม่มีปืนจริงๆ อย่างที่คาด “นี่ใช่ไหมคุณนพนภา ภรรยา ผ.อ.เจนภพ ที่เธอไปราวีเขาหลายต่อหลายครั้ง ล่าสุดนี่ก็ในงานเปิดตัวคอมเพล็กซ์ แถมยังเอาคลิปที่ฉันถ่ายไปประจานกลางงานด้วย”
       “เธอกำลังบอกว่าฉันสมควรได้รับคำขู่แบบนั้นแล้วใช่ไหม”
       “ก็น่าอยู่หรอกนะ”
       “หล่อนคงทำอย่างที่หล่อนพูด ฆ่าฉัน”
       “กลัวทำไม วงจรปิดนั่นบันทึกไว้หมดแล้ว”
       “เงินลบทุกอย่างได้จ๊ะ ลบทั้งภาพ ปิดทั้งเสียงพยานปากเอกทั้งหมด”
       “งั้นเธอก็ควรรู้ตัวแล้วนะว่าเธอกำลังเล่นกับอะไร ถอนตัวออกมาเถอะนิน”
       มุนินทร์สีหน้ายังคับแค้น
       “ไม่หรอก งานนี้ฉันยังชำระแค้นไม่หมด”
     
       เนตรนภิศหน้ายังแดงไปแถบนึงกำลังจัดโต๊ะอาหารอลังการอยู่กับคนใช้ ที่โซฟาอมรและพงศกรนั่งถือเบียร์คนละกระป๋องเชียร์บอลอยู่ ช่วงต่อเวลาทั้งสองทีมเสมอกัน แต่ในนาทีสุดท้ายทีมที่ทั้งสองเชียร์ก็เตะเข้า อมรและพงศกรร้องเฮลุกขึ้นกอดกันหมุนตัวไปรอบๆ เนตรนภิศมองอย่างเอ็นดู สองชายสบตากันแล้วผละออก
       “ชนะล่ะซีคะ ทำกันกี่ประตูล่ะ”
       “โอ้โฮ นับไม่ถ้วนเลยครับ”
       อมรมองหน้าพงศกรอย่างปรามๆ แล้วเดินมาหาเนตรนภิศโอบไว้หลวมๆ
       “อย่าพูดมากเจ้ามร มากินข้าวเหอะ”
       พงศกรเดินตามมาที่โต๊ะกินข้าว อมรเลื่อนเก้าอี้ให้เนตรนภิศ เนตรนภิศยิ้มจนเจ็บหน้า พงศกรนั่งลงตรงข้ามอมร
       “ของกินล้านอย่าง คุณนภิศนี่ภรรยาตัวอย่างจริงๆ”
       “แล้วคุณพงศ์ไม่คิดจะมีบ้างหรือคะ ภรรยาน่ะ”
       “อยู่อย่างงี้ก็ดีไม่รู้จะดียังไงแล้วครับ”
       พงศกรมองอมร
       “ดียังไงคะ”
       “ก็หมายความว่ามันไม่ยอมมีเป็นตัวเป็นตน แต่ก็มีมาเรื่อยๆ ไม่เคยขาดน่ะซี” อมรพูดขัด
       เนตรนภิศค้อนพงศกร ทำนองว่าเบื่อพวกเจ้าชู้ พงศกรยิ้มเรื่อยๆ มองอมร
       “ใครว่า ผมก็อยากมีเป็นตัวเป็นตนเหมือนกันล่ะครับ แต่อีกฝ่ายเขาไม่ยอมบอกทางบ้าน ถ้าบอกเขาตัดขาดแน่”
       “ตายแล้ว เรื่องต่างศาสนาใช่ไหมคะ”
       “ก็ ทำนองนั้นแหละครับ”
       “โธ่เอ๋ยคุณพงศ์ แหม คุณมร ทำไมไม่เห็นเคยเล่าเรื่องนี้ให้ฉันฟังบ้างเลย”
       “เปลี่ยนเรื่องพูดเถอะน่า นี่หน้าคุณไปโดนอะไรมา”
       “ก็พี่นภาซีคะ บังเอิญไปเจอกับเมียน้อย ต่อปากต่อคำกัน โดนมันยั่วจนกรี๊ดสลบไปเลย ฉันไปประคองเลยล้มไปด้วยกันค่ะ”
       “อีกแล้วหรือ”
       “แปลว่าพี่สาวคุณพอโกรธมากๆ เข้าก็จะช็อคสลบหรือ”
       “ไม่ใช่ครั้งแรกนะคะ หลายครั้งแล้ว”
       “นี่ไม่ดีแล้วนะนี่ อย่างงี้ไม่หัวใจก็ความดัน มีสิทธิ์ไปได้ง่ายๆ”
       “ถูกเผงเลยล่ะค่ะ เฮ้อ ยิ่งรบรากับเมียน้อยแบบนี้ แหม น่าซื้อประกันให้พี่นภาจังเลย”
       เนตรนภิศหลุดบท ตาวาว อมรมอง
       “ทำไมคุณพูดเหมือนอยากให้พี่สาวคุณเป็นอะไรไป”
       “พูดอะไรแบบนั้นคะ พี่ฉัน ฉันก็รัก แต่พี่นภาน่ะห่วงตัวเองซะที่ไหน เที่ยวแต่วิ่งแร่หวงผัว วันนี้จะพาไปโรงพยาบาลก็ไม่ยอม”
     
       สองวันต่อมาที่ห้องทำงานมุนินทร์ มุนินทร์กำลังเปิดคลิปในยูทิวบ์ เห็นเจนภพถูกมัด นพนภาเอาแส้เฆี่ยน เทียนล้ม ไฟลุกพรึ่บ มุนินทร์มีสีหน้าสะใจแล้วกลับเปลี่ยนเป็นสังเวชใจ
       มุนินทร์คลิกปิดแล้วคลิกดูเว็บอื่น ที่จอคอมพิวเตอร์ เป็นภาพข่าวแนวสังคมธุรกิจ ข่าวแรกเป็นข่าวของบริษัทเห็นณัฐดนัยกำลังจับมือกับแขกเกาหลี มุนินทร์ยิ้มนิดๆ เลื่อนดูข่าวต่อไปแล้วชะงัก ภาพข่าวเห็นนพนภาฉีกยิ้มยืนอยู่ข้างประพงส์ มีพาดหัว เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์ฉาวอยู่ติดวัดและโรงเรียน มุนินทร์คลิกดูคลิปข่าว
     
       “อ๋อ เราแค่ทดลองเปิด ยังไม่ได้เปิดเป็นทางการ ถ้าเปิดจริงรับรองยิ่งใหญ่อลังการค่ะ ขอเชิญน้องๆ นักข่าวทุกคนนะคะ”


    จากนั้นก็เห็นนพนภานิ่งฟังคำถาม หน้าหงิกไปวูบหนึ่งแล้วฉีกยิ้มใหม่
     
       “ไม่จริงค่ะ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ คอมเพล็กซ์เราอยู่ห่างโรงเรียน 500 เมตรตามกฎหมายพอดีค่ะ เป๊ะค่ะ อ๋อจากวัดมองเห็นสระว่ายน้ำของเราหรือคะ แหม พระท่านคงไม่ใช้กล้องส่องทางไกลหรอกค่ะ”
       นพนภาหัวเราะระรื่น มุนินทร์นิ่งอึ้งแล้วยิ้มอย่างเอาเรื่องขึ้นมาใหม่
       “เพื่อเด็ก เยาวชน และศีลธรรมอันดี งานนี้ฉันจัดให้เธออีกแน่ๆ”
       มุนินทร์ตาวาวโรจน์
     
       เช้าวันรุ่งขึ้น เจนภพสตาร์ทรถบุโรทั่งของตนอยู่นาน วีกิจเดินมาจากสวนบ้านตนเห็นรถสตาร์ทไม่ติดจึงเข้ามาดู
       “อ้าว ไอ้แก่ก่อเรื่องอีกแล้วหรือฮะ” เจนภพตาขุ่นคิดว่าวีกิจแขวะ วีกิจยิ้มหยันๆ “ผมช่วยเข็น”
       วีกิจเข็นจนรถสตาร์ติด
       “ขอบใจ”
       “วันนี้วันหยุด อาภพจะไปไหนเหรอครับ”
       “ตาเขาไม่ได้บอกนายเหรอว่าเขานัดฉัน” วีกิจเป็นอึ้ง เจนภพสะใจ “ขอบใจที่ช่วยเข็น”
       เจนภพยิ้มหยันแล่นรถออกไป วีกิจนิ่งงัน
     
       เจนภพเดินเข้ามาในโชว์รูมรถมองหามุตตา แต่ไม่เห็นใคร ร่างของมุนินทร์ในชุดสวยเดินมาเบื้องหลังแล้วโอบกอดเจนภพไว้
       “ตา” เจนภพหันมาสีหน้าเครียด แต่แล้วเมื่อเห็นมุนินทร์ในชุดสวยเซ็กส์สายตาก็อ่อนลง “นัดผมที่นี่ทำไม”
       “อยากให้ ผ.อ.ได้รถใหม่ไงคะ แอบเห็นรถบุโรทั่งของคุณแล้ว น่าสงสารจัง ทำไมเมียหลวงใจร้ายกับคุณขนาดนี้”
       “ตา อย่าพูดเล่น ผมรับนัดตาเพราะต้องการคุยให้รู้เรื่องนี่ซีเรียสนะ”
       “เรื่องอะไรคะ”
       “เรื่องคลิปในโมเต็ลนั่นไง คุณใช่ไหมที่เป็นคนปล่อย”
       “ใช่ แต่แค่ส่วนหนึ่ง”
       “อธิบายมาซิ เผื่อผมจะให้อภัยคุณได้บ้าง”
       “ฉันยอมรับว่าถ่ายคลิปไว้เอง จ้างคนดูแลที่นั่นถ่ายให้ แต่ฉันแค่ถ่ายนะคะ ไม่ได้คิดจะเอาไปเผยแพร่ที่ไหน เมียคุณนั่นแหละต้นเหตุเห็นว่าจ่ายค่าเสียหายไม่ตรงกับที่ตกลงไว้กับโรงแรม ทางโรงแรมก็เลยแฉคลิปนั่นอย่างที่เห็น”
       “ผมเชื่อคุณได้ไหมเนี่ย แล้วทำไมต้องโทรไปเรียกนภามาที่โมเต็ล”
       “เขาต้องรับรู้เรื่องของเรา เพื่อยืนยันว่าความสัมพันธ์ของเราจริงจังแค่ไหน เขาจะได้เซ็นใบหย่าให้คุณเสียทีบอกแล้วไงฉันต้องการให้คุณเป็นอิสระ ฉันไม่ต้องการแบ่งคุณให้กับใคร”
       มุนินทร์ดึงเจนภพให้เข้ามาหลบมุมปลอดคน โอบรอบคอเจนภพ เจนภพวาบหวิว
       “นี่คุณรักผมจริงๆ ใช่ไหม”
       “ตารักคุณค่ะ รักจนโงหัวไม่ขึ้นเชียวล่ะ”
       มุนินทร์บรรจงจุมพิตที่ข้างแก้ม เจนภพสะท้านไปทั้งตัว
       “ไปจากที่นี่เถอะ ไปหาที่ที่ส่วนตัวกว่านี้ดีกว่า”
       “ที่นี่แหละค่ะที่ส่วนตัวที่สุด”
       “ส่วนตัวยังไงตา”
       “เดี๋ยวนะคะ”
       มุนินทร์แยกไปหาพนักงานฝ่ายขาย แล้วเดินไปที่รถหรูที่จอดโชว์ไว้ เจนภพมองอย่างงุนงง มุนินทร์กวักมือเรียกเจนภพ เจนภพเดินตรงไป ร่างหนึ่งก้าวออกมาจากมุมลับตา คือลูกศร เธอหยิบกล้องดีวีเล็กตามถ่ายไม่ขาดระยะ
     
       พนักงานเปิดรถให้มุนินทร์และเจนภพขึ้นนั่ง มุนินทร์นั่งที่นั่งคนขับเจนภพนั่งคู่ มุนินทร์ทำท่าอยากได้มาก ลูกศรแอบถ่ายซูมภาพเข้าใกล้ เห็นมุนินทร์หัวเราะ เจนภพหัวเราะตาม
       “อย่ามาหลอกผมเลยตา ตาจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อรถแพงๆ แบบนี้ให้ผม”
       “อย่าดูถูกว่าฉันไม่มีเงินนะคะ ฉันอาจจะมีเสี่ยเลี้ยงอย่างที่รวยกว่าคุณหลายสิบเท่าเลยก็ได้”
       เจนภพเครียดขึ้นมาทันที
       “ไอ้เสี่ยนั่นใคร บอกผมได้ไหม”
       “ยังค่ะ”
       “แต่ตาก็รักผมคนเดียวใช่ไหม”
       “ค่ะ เท่าที่รู้ ตารักคุณคนเดียว รักอย่างทุ่มเทให้ทั้งหมดด้วย”
       “เท่านี้ผมก็พอใจแล้ว ไปเถอะ ไปหาที่สำหรับเราสองคน”
       “ในรถนี่ก็เป็นที่สำหรับเราสองคนแล้วนี่คะ”
       มุนินทร์มองเจนภพอย่างมีนัยทางเพศ เจนภพมองซ้ายขวาฝ่ายขายแยกไปพอดี
       “ตา ไม่เอาน่า มันประเจิดประเจ้อเกิน”
       “อะไรกันคะ ก็แค่ฉันอยากทำแบบนี้เท่านั้นเอง”
       ขาดคำมุนินทร์จูบที่ข้างแก้มเกือบสัมผัสริมฝีปาก เจนภพสะท้านไปทั้งตัว ลูกศรตะลึงถ่ายกล้องไว้มือไม้สั่น
       มุนินทร์คลอเคลียเจนภพ มือถือดังขึ้น
       “เดี๋ยวนะคะ” มุนินทร์กดรับสาย “คะ บอส” เจนภพมองอย่างงุนงง “ค่ะ อยู่แถวๆ นี้ละคะ บอสตรงมาที่โชว์รูมรถนะคะ เดี๋ยวฉันจะรออยู่ที่นั่น ค่ะ เท่านี้”
       มุนินทร์เลิกสาย เจนภพเสียงเครียด
       “ใคร ตา”
       “เฮ้อ โทษนะคะ บอสของฉันตามตัวฉันมาถึงที่เลย ฉันขอตัวก่อน”
       มุนินทร์มองกระจกรถปัดผมให้เข้าที่ แล้วออกจากรถทันที เจนภพรีบตามมา ลูกศรเลิกถ่ายรีบหลบไปอีกทางหนึ่ง
       มุนินทร์เดินเร็วออกมาทำดึงเสื้อให้เรียบร้อย เจนภพตามมาจับมือมุนินทร์ไว้
       “เดี๋ยวตา”
       “บอสที่ว่า ใครกัน”
       “สปอนเซอร์ที่ฉันบอกไงคะ เป็นเสี่ยใหญ่ใจดี ชอบทำทานกับเด็กสาว ชอบให้ทุนอาหารกลางคืนนักเรียนหญิง อะไรทำนองนั้น”
       “ตายอมรับแล้วซีว่าตาคบสองคนพร้อมกัน เอ๊ะ หรือว่าสามถ้านับนายกิจด้วย”
       “สามอะไรกันคะ ฉันบอกแล้วไงว่าฉันอยากจะคบให้ถึงเจ็ด อ้อ มาแล้วค่ะ”
       เจนภพมองไปห็นณัฐดนัยในชุดสูทหรูกำลังเดินตรงมาแต่ไกล มองหามุนินทร์อยู่ เจนภพเป็นอึ้งเพราะณัฐดนัยเป็นหนุ่มหล่อ ไม่ใช่เสี่ยใหญ่อย่างที่มุนินทร์บอก
       “ขอตัวก่อนนะคะ ผ.อ.”
       “จะไม่แนะนำให้ผมรู้จักเหรอ”
       “อย่าดีกว่าค่ะ เพราะว่าเขาเองก็ไม่ชอบเห็นฉัน “มั่ว” กับชู้รักคนอื่น ขี้หึงเอามากๆ เลยล่ะ”
     
       มุนินทร์รีบแยกไป ณัฐดนัยหันมาเห็นพอดี มุนินทร์เข้ามาหาณัฐดนัยโอบไหล่สนิทสนม เจนภพมองขบกรามแน่นด้วยความหึง เห็นมุนินทร์หัวเราะระรื่นไม่แพ้ที่หัวเราะกับตน มุนินทร์หันมามองเจนภพสะใจเล็กๆ ก่อนจะเดินไปกับณัฐดนัย เจนภพรีบหยิบมือถือมาถ่ายณัฐดนัยไว้สีหน้าหึงเต็มที่


เมื่อกลับเข้าออฟฟิศ มุนินทร์ดูภาพจากกล้องที่ลูกศรถ่ายอย่างพอใจ
     
       “เธอทำงานได้ดีมาก ศร”
       “ย่ะ แล้วก็บอกมาซะทีว่าที่ให้ฉันมาช่วยแอบถ่ายคลิปแบบนี้เธอต้องการไปแบล็คเมล์ใครไม่ทราบ เผื่อฉันจะติดร่างแหไปด้วยจะได้ให้ทางบ้านเตรียมเงินไว้สู้คดี”
       “ไม่มีอะไรหรอกน่า”
       “ต้องมีแน่นอน หนุ่มใหญ่รูปหล่อนั่นน่ะคือคุณเจนภพ อภิบาลบดินทร์ สามีของคุณนพนภาและเป็นคุณอาของคุณวีกิจแฟนเธอ ฉันสืบมาหมดแล้ว”
       “เก่งนี่ แต่ขอแก้ข่าว วีกิจไม่ใช่แฟนฉัน ยืนยัน”
       “ที่สำคัญ ผ.อ.เจนภพกับภรรยาเพิ่งมีเรื่องลงหน้าหนึ่งพร้อมคลิปฉาวไปสดๆ ร้อนๆ ฝีมือเธอรึเปล่า”
       “ทั้งใช่และไม่ใช่”
       “นี่ บอกความจริงฉันมาเสียทีเถอะ เธอแอบไปทำอะไรที่กระทรวงนั่นมาตั้งเกือบอาทิตย์”
       “อยากรู้ใช่ไหม งั้นช่วยทำงานให้ฉันอีกอย่างซี”
       “จะหลอกใช้อะไรฉันอีก”
       “เธอบอกว่ามีรุ่นน้องซี้กับเธอรับเหมาวางระบบคอมให้คอมเพล็กซ์เปิดใหม่ชื่อ The Song ใช่ไหม”
       “ใช่ ทำไมเหรอ”
       “ติดต่อรุ่นน้องคนนั้นให้หน่อย”
       “เธอกำลังคิดแผนชั่วร้ายอยู่แน่ๆ บอกมากำลังจะทำอะไร”
       “เอาเบอร์มาก่อน แล้วเดี๋ยวจะบอก”
       “ขอคุยกับเจ้าน้องคนนี้ก่อนเดี๋ยวยิงเบอร์ไปให้”
       “ขอบใจ”
       ลูกศรหาเบอร์ในมือถือ มุนินทร์ออกจากห้อง
       “เดี๋ยวซี ยังไม่บอกเลยว่าจะทำอะไร”
       ลูกศรวิ่งตามไป
     
       มุนินทร์เดินไปไกลแล้ว ลูกศรวิ่งตามมาตะโกนไล่หลังกดมือถือส่งเบอร์ไปให้มุนินทร์
       “นี่ ถ้าเธอไม่บอกความจริง ฉันจะฟ้องบอสเรื่องที่เธอหลอกให้เขาไปควงกับเธอต่อหน้านายผ.อ.” ณัฐดนัยเดินมาจากด้านหลังพอดี หูผึ่ง “ยายนิน ฉันจะฟ้องบอสจริงๆ นะ”
       “ฟ้องอะไรผมเหรอครับ”
       ลูกศรสะดุ้งหันมายิ้มเจื่อนๆ กับณัฐดนัย
       “ไม่มีอะไรค่ะ”
       “แต่ผมได้ยินทั้งหมดเลย คุณบอกว่าจะฟ้องผมเรื่องที่คุณนินหลอกผมไปควงต่อหน้าใครสักคน”
       “อ๋อ วันนี้บอสไปทานข้าวเที่ยงกับยายนินใช่ไหมล่ะค่ะ”
       “ใช่ครับ แล้วคุณนินหลอกอะไรผมเหรอครับ”
       “เปล่าค่ะ ศรพูดเพ้อเจ้อไปเองล่ะค่ะ พูดไปเพราะอิจฉา”
       “อิจฉา”
       “ค่ะ อิจฉาที่ไม่ได้ไปทานกับบอสน่ะซีคะ ชวนแต่ยายนินไม่เห็นชวนศรบ้างเลย”
       “เอ่อ คือวันหลังจะชวนทั้งคู่เลยครับ”
       ลูกศรทำตาหวานใส่
       “จริงนะคะ แล้วชวนศรคนเดียวโดยไม่ต้องมียายนินได้มะ”
       “ครับ ครับ”
       ณัฐดนัยหน้าแดงรีบเดินเลี่ยงไป ลูกศรอมยิ้มหัวเราะคิก
     
       ภาพในมือถือ มุนินทร์กับณัฐดนัยคุยกันแล้วแยกย้ายไปขึ้นรถขับตามกันไป วีกิจลดมือถือในมือลงหน้าเผือดไป วีกิจยืนอยู่หน้าโต๊ะทำงานเจนภพที่นั่งพิงเก้าอี้มองดูท่าทีวีกิจ วีกิจเห็นสายตาเจนภพก็เปลี่ยนท่าทีเป็นปรกติขึ้นส่งมือถือเจนภพคืนให้ วีกิจทำเฉยๆ แต่ดวงตาก็มีแววสะเทือนใจ
       “ตาบอกฉันว่าเป็นอาเสี่ย ฉันก็คิดว่าเสี่ยเขียงหมู แต่นี่ยังหนุ่มเหมือนเด็กกว่าฉันหลายปี”
       “แต่ก็แปลว่าตาไม่ได้ชอบแค่คนแก่”
       “แกไม่ต้องมาแขวะฉัน”
       “แต่ว่าอาภพแน่ใจหรือฮะ ท่าทางดูสนิทกันจริง แต่ก็ไม่ได้ดูว่ามีอะไรกัน”
       “ก็ตาบอกฉันเองว่าสปอนเซอร์ แกไม่เคยสงสัยเลยหรือ รถที่เขาขับ ชุดดีไซเนอร์ นาฬิกาหรู ถ้าไม่มีสปอนเซอร์แล้วเขาเอามาจากไหน”
       “เท่าที่ผมรู้ บ้านตามีฐานะพอสมควร”
       “แค่ทำไร่ดอกไม้ แต่ขับบีเอ็มคันละหลายล้าน เป็นไปไม่ได้” เจนภพยิ้มเยาะ “ไหนว่าเขาไม่เคยมีความลับกับแกไง”
       วีกิจสะเทือนแต่ข่มไว้ ยิ้มนิดๆ
       “ถ้าตาเห็นว่ามันสำคัญ เขาก็บอกผมเองล่ะครับ แต่ที่ไม่บอกก็คงเพราะไม่สำคัญอีกอย่างเรื่องบางเรื่อง ผมเองก็ไม่อยากรู้ด้วย”
       “แกเองก็โดนหลอกตลอดชาติล่ะวะ เขาจงใจให้ฉันเจอไอ้เสี่ยนั่นคงหวังให้ฉันหึง แต่ยากว่ะ ฉันรอบจัดกว่านั้น”
       “นี่ขนาดไม่หึงนะครับ”
       “ไม่ว่ายังไง ตาก็เป็นของตายสำหรับฉัน”
       “ของตาย หรือของที่ทำให้ถึงตายกันแน่ฮะ”
       “จริงๆ ฉันไม่หึงหรอก แต่แกน่ะซี อาจจะหึงจนทนไม่ได้ก็ได้”
       “อย่าดึงเอาผมไปเกี่ยวข้องกับเกมพิศวาสของอาภพกับตาเลยครับ” วีกิจดูนาฬิกาข้างฝา มันบอกเวลา 13.30 น. “ผมขอตัวไปทำงานก่อนนะฮะ ผมมันลูกจ้างชั้นผู้น้อย เอาเวลาราชการมาคุยเรื่องส่วนตัวมันคงไม่เหมาะ”
       วีกิจเดินออกไป เจนภพทำไม่แยแส วีกิจมองแล้วออกประตูไป ทันทีที่วีกิจลับตัว เจนภพก็หงุดหงิดงุ่นง่าน คว้ามือถือมาดูคลิปใหม่
       “ไอ้เสี่ยไฮโซ นี่มันใครกัน”
     
       มุนินทร์กำลังทำงาน มือถือดังขึ้น มุนินทร์หยิบมาดู ดีใจที่เห็นชื่อวีกิจแต่อีกครึ่งกลับเป็นความละอายใจ
     
       “ฮัลโหล สวัสดีค่ะ”



No comments:

Post a Comment