Tuesday, October 23, 2012

ปัญญาชนก้นครัว ตอนที่ 2


 เอมิกากับบรรจงออกมาเจอนากที่ยังจัดโต๊ะไม่เสร็จ
     
       “พี่นากยังจัดโต๊ะไม่เสร็จอีกเหรอ เดี๋ยวคุณอรมาเห็นเข้าก็โดนเม้งอีกหรอก” บรรจงว่า
       “จัดโต๊ะนะ ไม่ใช่ต้มมาม่า จะได้เสร็จไว เออ โฆษณาสองยี่ห้อเลย”
       เอมิกาวางถาดบนโต๊ะแล้วก็เดินไปหานาก
       “น้องชะเอมหายไปไหน พี่เป็นห่วงแทบแย่”
       เอมิกาไม่ตอบแต่บอก
       “ฉันทำเองพี่นาก”
       บรรจงได้ยินก็กระแทกถาดวางบนโต๊ะ
       “จะทำได้เร้อ เค้าต้องจัดโต๊ะแบบอาหารฝรั่งนะจะบอกให้”
       บรรจงปรายตามองอย่างดูถูก เอมิกาฉุน หันไปถามนาก
       “มีคนกี่คนพี่นาก”
       “ห้าคนจ๊ะ”
       เอมิกาจัดการเองเอาผ้ารองจานผืนเล็กมาวางเรียงห้าที่ เอาจานวาง เอาแก้ววาง เรียงช้อนส้อมและมีดเงิน วางไว้ตามที่อย่างถูกต้อง ทำเอาบรรจงกับนากเหวอ เอมิกาจัดเสร็จภายในห้านาที ก่อนจะหันไปคว้าแจกันแก้วที่ใส่ดอกไม้บนชั้นมาวางกลางโต๊ะ ทำให้โต๊ะดูดีขึ้นมาในบัดดล
       นากยิ้ม บรรจงไม่พอใจ เอมิกาหันมาปัดมือมองบรรจงราวกับผู้ชนะ
       “หน้าที่แกแค่จัดโต๊ะ สะเออะทำนอกคำสั่ง ย้ายแจกันของคุณผู้หญิง ระวังเถอะจะโดนด่า”
       เอมิกาชักไม่พอใจบอก
       “ตัวเองไม่ทำแล้วยังมาว่าคนอื่นอีก”
       นากอึ้งกับน้ำเสียงดุดันของเอมิกา บรรจงโกรธมากเท้าสะเอวเอาเรื่อง
       “แล้วแกเก่งมาจากไหน เป็นคนใหม่เพิ่งเข้ามาอย่าเจ๋อให้มันมากนัก”
       เอมิกาฉุน เท้าสะเอวตอบกลับอย่างไม่กลัวเกรง สวมบทบาทเป็นแม่ค้าปากตลาดทันที
       “อยากรู้ว่าฉันเก่งมาจากไหนก็เข้ามาสิ เข้ามาสิเว๊ย จิ๊กโก๋แถวซอยบ้าน ฉันยังกระซวกมาแล้ว ถ้าไม่ตบให้หน้าหันล่ะก้อ ไม่ใช่อีชะเอม”
       เอมิกาเงื้อมือ บรรจงตกใจมาก นากทึ่งสุดๆ ปรบมือให้ บรรจงหันไปมองนาก นากรีบเอามือลง แล้วอรวิลาสก็เดินแต่งตัวใหม่เข้ามา อรวิลาสเหล่เอมิกาอย่างไม่ถูกใจนักก่อนจะหันไปทางบรรจง
       “ใครให้จัดโต๊ะที่นี่”
       บรรจงทำปากยื่นปากยาวรีบฟ้อง
       “ก็คนใหม่น่ะสิเจ้าคะคุณอรขา เค้าบอกว่าเค้าจัดเอง ไม่ให้จงกับนากเจ๋อ”
       เอมิกาอึ้งเฮ้ยใส่ความกันเห็นๆ
       “ฉันไม่ได้ถามว่าใครจัดโต๊ะ ฉันถามว่าทำไมจัดที่นี่ พี่ตั้มมาทั้งทีจะให้นั่งกินตรงนี้ได้ยังไงยะ ไปจัดที่โต๊ะใหญ่โน่น”
       ชะเอมเริ่มสัมผัสได้ว่า มีซัมติ้งระหว่างตั้มกับอร บรรจงพูดเสียงจ๋อย
       “ก็คุณอรไม่ได้บอกนี่เจ้าคะ”
       “ยังจะเถียงอีก รีบไปจัดโต๊ะที่ห้องรับรองแขกเร็วเข้า”
       เอมิกา บรรจง นากรีบยกถาดอาหารออกไป
     
       บนโต๊ะอาหาร ชื่นฤทัยนั่งหัวโต๊ะ พีรพล วเรศนั่งข้างหนึ่ง ตรงข้ามมี อรวิลาสกับหนูอ้อย สมพิศ บรรจง นากกำลังเสิร์ฟอาหารบนโต๊ะ โดยมีเอมิกาคอยรินน้ำ วเรศจ้องเอมิกาตาไม่กระพริบ พยายามจะนึกให้ออกว่าเอมิกาเป็นใคร
       เอมิการู้สึกได้ว่าวเรศมองเธออยู่ก็ชักประหม่า กลัววเรศจำได้แล้วจะพาเสียมาถึงงานของเธอเลยไม่มีสมาธิ
       อรวิลาสเห็นวเรศจ้องเอมิกาก็ไม่พอใจ บรรจงมองเอมิกาด้วยแววตาร้ายกาจอย่างมีแผนในใจ
       เอมิกาเดินมารินน้ำให้วเรศ วเรศเหลือบมองหน้านิ่ง เอมิกามือสั่น วเรศยิ่งแปลกใจที่เอมิกามีพิรุธ
       เอมิกาเสียสมาธิรีบรินน้ำจนกระฉอก เอมิกาตกใจ
       “ขอโทษค่ะ”
       วเรศไม่พูดอะไร เอมิการีบผละจากวเรศมารินน้ำให้อรวิลาส บรรจงยิ้มมุมปากแล้วแกล้งเดินชนเอมิกา ทำให้เอมิกาทำน้ำเย็นๆทั้งเหยือกหกใส่หัวอรวิลาส ทุกคนตกใจ ยกเว้นหนูอ้อยที่ลอบยิ้มชอบใจ เอมิกาอ้าปากค้าง ตาโต ช็อกสุดๆ บรรจงแอบยิ้มสะใจ
       อรวิลาสกำลังจะกรี๊ดแต่เห็นวเรศมองอยู่ก็เลยไม่กล้า ต้องพยายามอดกลั้น ทั้งๆที่หนาวสั่น เอมิกาได้สติก่อนคนอื่นรีบบอก
       “ขอโทษค่ะคุณอร”
       เอมิการีบเอาผ้าเช็ดมือมาเช็ดหัวให้อรวิลาส ยิ่งทำให้ผมที่เซ็ทไว้เสียทรงไปกันใหญ่ เอมิกาตกใจไม่รู้จะทำยังไง ชื่นฤทัยสั่งเสียงเฉียบ
       “สมพิศ”
       สมพิศรีบปรี่มาหาแล้วขานรับ “ขา”
       ชื่นฤทัยพูดเสียงเบาแต่ก็ได้ยินทั้งโต๊ะ
       “เอาคนใหม่ออกมาได้ยังไง ทั้งๆที่ยังไม่ได้สอนงาน”
       เอมิกาได้ยินก็หน้าเสีย
       “ขอโทษค่ะ”
       สมพิศรีบเข้าไปจับเอมิกาบอก
       “เข้าไปในครัว”
       เอมิกาพยักหน้าแล้วรีบเดินออกไป สมพิศรีบตามเอมิกาออกไป บรรยากาศเงียบสงัดราวกับอยู่ในป่าช้า ไม่มีใครกล้าเคลื่อนไหวใดใด แล้วอรวิลาสก็ขยับตัวเป็นคนแรก
       “อรขอตัวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะคะ”
       อรวิลาสค่อยๆลุกขึ้นเดินออกไป ทุกคนยังคงนิ่งเงียบ ไม่กี่อึดใจ ก็มีเสียงอรวิลาสระเบิดเสียงกรี๊ดออกมาจากในห้องดังลั่น “อ๊าย”
       ทุกคนตกใจกันสุดๆ แล้วเสียงนั้นก็เงียบไป ชื่นฤทัยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
       “ทานอาหารกันเถอะจ้ะ”
     
       วเรศ พีรพล หนูอ้อย และชื่นฤทัย ลงมือทานอาหาร



       เอมิกาหน้าจ๋อยสนิทอยู่กับสมพิศในห้องครัว
     
       “ยังนับว่าเอ็งโชคดี ดวงไม่ถึงฆาต เพราะคุณตั้มอยู่ ไม่อย่างนั้น ตาย”
       “แล้วคุณตั้มอะไรเนี่ย เค้าเป็นใครเหรอป้า”
       “เค้าเป็นหลานคุณพีรพล แล้วก็เป็นคนที่คุณอรปลื้มมาก”
       “คุณอรกับคุณตั้มเป็นแฟนกันเหรอ”
       สมพิศกำลังจะตอบแล้วก็นึกขึ้นได้หันไปด่าเอมิกา
       “เอ็งนี่มันก็สาระแนเหมือนกันนะ เรื่องของเจ้านายไม่ต้องยุ่ง อยู่ในนี้ไม่ต้องออกไป”
       “ให้อยู่เฉยๆเหรอป้า”
       “นอกจากสาระแนเก่งแล้วยังโง่อีกนะเอ็ง หม้อไหจานชามยังไม่ได้ล้างเห็นมั้ย คงไม่ต้องบอกนะว่าให้ทำอะไร”
       สมพิศถอนหายใจด้วยความหัวเสียแล้วเดินออกไป เอมิกาหันไปมองกองจานชามที่สุมกันอยู่ในซิงค์แล้วก็ถอนหายใจออกมา
     
       สมพิศเดินออกมายืนอยู่กับนากและบรรจง บนโต๊ะอาหาร ทุกคนกินข้าวโดยไม่มีการพูดอะไรกัน วเรศเหลือบมองไม่เห็นเอมิกาก็ครุ่นคิด ในใจอยากรู้มากๆว่าเค้าเคยเห็นเอมิกาที่ไหน วเรศทนร้อนใจต่อไปไม่ไหว ก็วางส้อมกับมีดลงบอก
       “ผมขอตัวไปห้องน้ำนะครับ”
       วเรศลุกเดินออกไปทันที
     
       ในห้องครัว เอมิกากำลังล้างหม้อ ล้างจาน แต่ดูล้างไม่เป็น เงอะๆงะๆ จะทำตกไม่ตกแหล่
       “ถ้าแตกไปนี่โดนด่าอีกแน่”
       ทางด้านหลังวเรศเดินเข้ามามองเอมิกาอย่างจับผิด เห็นเอมิกาดูเก้ๆกังๆลนลานแปลกๆ เอมิกาเอาจานขึ้นมาล้างแล้วก็เหลือบไปเห็นวเรศยืนอยู่ เอมิกาตกใจทำจานหล่นแตก เพล้ง!
       “เฮ้ย”
       วเรศตกใจ เอมิกาหน้าเสีย เอมิกาหันไปเอาเรื่องวเรศ
       “เพราะคุณแท้ๆเลย”
       “ทำเองก็อย่ามาโทษคนอื่น”
       “ก็ถ้าคุณไม่มายืนเงียบๆ ฉันก็ไม่ตกใจ แล้วก็คงไม่ทำจานแตก”
       “ทำไมเธอต้องตกใจด้วย”
       “เอ้า ก็ฉันไม่รู้ว่ามีคนยืนอยู่ เห็นเงาดำๆที่หางตาก็นึกว่าผีน่ะสิ”
       “ที่ไม่รู้ว่ามีคนยืนอยู่ เพราะกำลังคิดจะทำอะไรรึเปล่า”
       เอมิกาไม่พอใจและไม่เข้าใจ
       “พูดไร ไม่เข้าใจ ฉันไม่คุยกับคุณแล้ว”
       เอมิกาก้มลงเก็บจานที่แตกแต่พลาดทำเศษจานบาดนิ้ว
       “โอ๊ย”
       วเรศชะงักเห็นเลือดออกก็หันไปดึงทิชชู่ส่งให้ เอมิการับทิชชู่มาเช็ดเลือด
       เอมิกาพึมพำ
       “เจอคุณทีไร ซวยทุกที”
       วเรศได้ยินเลยนิ่วหน้า
       “พูดหยั่งกับว่าเราเคยเจอกันมาก่อน”
       เอมิกาหน้าถอดสี ไปไม่ถูก วเรศมองเอมิกาสงสัย แล้วก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าเคยเจอเอมิกาที่ไหน และก่อนที่เอมิกาจะแย่ไปกว่านี้ก็มีระฆังมาช่วยเอาไว้ สมพิศถือถาดใส่จานอาหารกลับเข้ามา พอเห็นจานแตกก็ตกใจ
       “ตายแล้ว จานราคาแพงของคุณผู้หญิงซะด้วย โดนหักเงินเดือนแน่นังชะเอม”
       เอมิกาหน้าเสีย
       “ผมทำแตกเองครับ ป้าช่วยเก็บให้หน่อยแล้วกัน ผมจะบอกคุณอาชื่นเอง”
       “ได้ค่ะ”
       วเรศปรายตามองเอมิกาแวบหนึ่งแล้วเดินออกไป เอมิการู้สึกแปลกๆกับสายตาของวเรศ
     
       ภายในห้องนอน อรวิลาสเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกมา หน้าตาคั่งแค้น
       “นังคนใช้คนใหม่ รอให้พี่ตั้มกลับไปก่อนเถอะ แกตายแน่”
       อรวิลาสหันไปทางกระจกจากหน้าเหวี่ยงๆ ก็ฉีกยิ้มทำแบ๊วได้ทันทีแล้วก็เดินออกไป
     
       วเรศกำลังจะขึ้นรถ เอมิกาตามออกมา
       “เดี๋ยวคุณ ขอบคุณที่ช่วยฉันไว้เมื่อกี้”
       วเรศมองเอมิกาแล้วบอก
       “ผมไม่รับ ผมไม่ได้เต็มใจ ที่ผมช่วยเพราะเห็นว่าคุณทำตามที่ผมบอก ผมก็เลยให้โอกาสคุณเริ่มต้นชีวิตใหม่คุณโคโยตี้”
       เอมิกาอึ้งไปเลย หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด
       “คุณ จะจะจำ..จำฉันไ”
       วเรศยิ้มมุมปากราวกับผู้ชนะ
       “ทำตัวดีดี ตั้งใจทำงาน ถ้าคุณทำให้คนบ้านนี้เดือดร้อน ผมจะบอกความจริงกับทุกคนว่าคุณเป็นใคร”
       วเรศเสียงเหี้ยมจริงจังแล้วก็ขึ้นรถขับออกไป
     
       เอมิกาได้แต่ยืนอึ้ง กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น...กังวลว่าเธอจะรอดจากการเป็นคนใช้มั้ย



       เอมิกาเดินหงุดหงิดงุ่นง่านมาตามทาง
     
       “ทำไมต้องขู่ด้วยกันขนาดนี้ ทำหยั่งกับเราเป็นโจร”
       ปองเทพโผล่หน้าออกมาจากด้านหลังกำแพงและมองผ่านเข้าไปในรั้วบ้านนุศาเจริญเพื่อหาเอมิกา
       “เอมอยู่ไหนเนี่ย”
       ปองเทพชะเง้อชะแง้เกาะรั้ว วเรศขับรถออกมาพอดีเหลือบไปเห็นท่าทางปองเทพก็ผงะ รีบจอดรถแล้วมองปองเทพที่ดูเหมือนพวกหัวขโมย วเรศลงจากรถ กำลังจะเดินเข้าไปหา
       เอมิกาเดินมาพอดี ปองเทพดีใจมากรีบกวักมือเรียก
       “เอม”
       เอมิกาได้ยินหันมาเห็นปองเทพก็ตกใจ เหลียวซ้ายแลขวามองไปรอบๆ ไม่มีใครก็รีบวิ่งมาหาปองเทพ
       วเรศที่กำลังจะเดินมาเห็นเข้าพอดีก็รีบหาที่หลบแล้วแอบมอง
       เอมิกากับปองเทพคุยกันผ่านรั้ว
       “ป่อง แกมาทำไม”
       “ก็เอมตัดสายเราทิ้ง พอเราโทรหา เอมก็ปิดเครื่อง เราเป็นห่วง เลยต้องมาดูให้เห็นกับตาตัวเองว่าเอมยังปลอดภัยดีอยู่รึเปล่า” ปองเทพพูดพลางจับมือเอมิกาผ่านรั้วที่กั้นอยู่
       วเรศแอบมองเอมิกากับปองเทพด้วยความสงสัย
       “หรือจะเป็นแฟน” วเรศนึกสงสัย
       เอมิกาหันมองไปที่ตัวบ้านอย่างมีพิรุธมากเพราะกลัวมีคนเห็น แล้วก็หันมาทางปองเทพ
       “ฉันจะไม่ปลอดภัยก็เพราะแกเนี่ยแหละ รีบกลับไปเลย”
       ปองเทพอิดออด วเรศนิ่วหน้ามอง
       “ท่าทางแปลกๆพิกล”
       เอมิกาดึงมือออกมาจากปองเทพ แล้วเท้าสะเอวส่งเสียงเข้ม
       “ปองเทพ”
       “โอเค..กลับก็ได้ อยู่ดีดีล่ะ ไปนะ”
       “เออ”
       ปองเทพถอยอีกหนึ่งก้าวแล้วก็ถาม
       “ไปจริงๆนะ”
       เอมิกายกมือไล่
       “ไปได้แล้ว”
       ปองเทพสีหน้าจ๋อย เดินคอตกออกไป เอมิกาพ่นลมหายใจออกมาแล้วก็รีบเดินเข้าบ้านไป วเรศออกมาจากตรงที่ซ่อน นิ่วหน้าด้วยความสงสัยสุดๆ
     
       ตอนบ่าย ภายในร้านกาแฟ หมูแทบสำลักกาแฟมองหน้าวเรศด้วยความแปลกใจ
       “แกพูดอีกทีดิ”
       “ฉันอยากให้แกช่วยสืบหาแก๊งโคโยตี้ที่เราไปผับวันก่อนว่าพวกเค้าเป็นใคร อยู่ที่ไหน”
       หมูยิ้มกรุ่มกริ่มถาม
       “ไหนบอกไม่ถูกจริตกับผู้หญิงพวกนี้”
       “วันๆคิดได้แต่เรื่องแบบนี้”
       คำพูดของวเรศทำให้หมูหุบยิ้มทันที
       “ฉันมีเหตุผลส่วนตัว แกไม่ต้องถามว่าอะไร ทำตามที่ฉันบอกก็พอ”
       หมูทำหน้าเซ็ง วเรศยกกาแฟขึ้นดื่มสีหน้าครุ่นคิด
     
       ภายในบ้านชื่นฤทัย ตรงม้านั่งในสวน เอมิกาจามเสียงดัง “ฮัดเช้ย” ใส่หน้าอรวิลาสที่นั่งอยู่ บรรจงรีบเอากระดาษให้อรวิลาสเช็ดหน้า เอมิกาหน้าแหยรีบเปลี่ยนเรื่อง
       “ขอโทษค่ะ คุณอรเรียกเอมมามีอะไรให้เอมรับใช้คะ”
       บรรจงยื่นหน้าเข้าไปสอพลอข้างๆอรวิลาส
       “ยังมีหน้ามาถาม ไม่รู้เหรอว่าคุณอรเรียกแกทำไม”
       อรวิลาสปรายตามอง บรรจงรู้ตัวแล้วยิ้มแหย รีบสงบปากสงบคำ อรวิลาสหันไปจ้องหน้าเอมิกา
       “แกโง่จริงหรือแกล้งโง่กันแน่” อรวิลาสถาม
       เอมิการู้ทั้งรู้ แต่ทำเป็นใจดีสู้เสือ
       “แกทำให้ฉันอับอายต่อหน้าพี่ตั้ม”
       เอมิกาเห็นบรรจงยิ้มขำก็ยิ่งเดือด
       “เอมไม่ได้เป็นคนทำนะคะ”
       บรรจงยื่นหน้ามาข้างๆอรวิลาสอีก
       “ต๊าย ปฏิเสธหน้าด้านๆ ทั้งๆที่ทุกคนก็เห็น แกทำน้ำหกราดหัวคุณอร”
       “ถ้าเธอไม่ชนฉัน ฉันก็ไม่ทำน้ำหกหรอก”
       บรรจงหน้าถอดสี อรวิลาสหันขวับไปมองบรรจงที่ทำดราม่า กอดขาอรวิลาสแน่น
       “จงเปล่านะเจ้าคะคุณอรขา นังนี่มันใส่ร้ายจง ตั้งแต่จงทำงานรับใช้คุณอรมา คุณอรเคยเห็นจงทำงานพลาดด้วยเหรอเจ้าคะ”
       เอมิกาอึ้งกับความตอแหลของบรรจงที่ทำเป็นร้องไห้สะอึกสะอื้น อรวิลาสหันมาทางเอมิกา
       “เธอต้องโดนลงโทษ”
       เอมิกาอึ้ง อรวิลาสหันไปคว้าเหยือกน้ำบนโต๊ะแล้วราดหัวเอมิกา เอมิกาขนลุกซู่เพราะน้ำเย็นมาก บรรจงทำท่าเชือดคอใส่ เอมิกายิ่งโมโหแต่ทำอะไรไม่ได้
     
       ภายในกองถ่ายละคร นงลักษณ์วางถาดแก้วน้ำลงบนโต๊ะ เห็นชัดว่าสีหน้าเหน็ดเหนื่อย
       “มาขอฝึกงานเป็นผู้ช่วยผู้กำกับนะเว๊ย ไม่ได้มาขอฝึกเป็นสวัสดิการ เสิร์ฟน้ำตั้งแต่เช้าจนจะได้โล่อยู่แล้ว”
       นงลักษณ์ถอนใจด้วยความเซ็ง พลันเสียงมือถือดังขึ้น นงลักษณ์หยิบออกมาเห็นชื่อเอมก็รีบกดรับ
       ภายในเรือนคนใช้ เอมิกาเปลี่ยนเสื้อแล้วกำลังนั่งเช็ดผมไปคุยโทรศัพท์ไป
       “แกทำอะไรอยู่ ฉันโทรหาตั้งหลายรอบ...เออ ลืมไปว่าแกฝึกงานอยู่”
       ฝ่ายนงลักษณ์กำลังชงน้ำแดงไปด้วย พูดไปด้วย
       “ทำไมเสียงแกเป็นงี้ หรือว่าโดนเจ้านายปล้ำแล้ว” นงลักษณ์แซว
       “บ้าสิ แกรู้มั้ยว่าฉันเจออะไรบ้าง ฉันเจอนางร้ายตัวจริงที่เหมือนหลุดออกมาจากในละคร แต่ที่สำคัญ ฉันเจอผู้ชายที่ฉันตกเวทีแล้วไปนั่งตักเค้า แล้วเค้าก็เป็นคนเดียวกับที่ช่วยฉันไว้คืนนั้น”
       นงลักษณ์ตกใจ
       “เฮ้ย แล้วเค้าจำแกได้ป่าว”
       เอมิกาถอนหายใจบอก
       “จะเหลือเหรอ ฉันต้องพยายามไม่เผชิญหน้ากับเค้า สายตาที่เค้ามองฉันมันน่ากลัวมาก คิดแล้วยังเสียวสันหลังไม่หาย”
       “แกก็ระวังตัวไว้หน่อยก็แล้วกัน”
       เอมิกานึกขึ้นได้
       "อือ เออนี่ ฉันมีอีกเรื่องอยากให้แกช่วย ฉันอยากให้แกช่วยบอกป่องว่า ไม่ต้องมาหาฉัน มีอะไรฉันจะโทรหาเอง”
     
       เอมิกาสีหน้าเครียดสุดๆ



       เอมิกาออกมาจากห้องเห็นไปตามทางเดินไฟสลัวๆ ที่ไม่มีคนก็แปลกใจ
     
       “ไปไหนกันหมด”
       เอมิกาครุ่นคิดแล้วก็ยิ้มที่มุมปาก หยิบมือถือออกมากดถ่ายรูปสถานที่ไปรอบๆ เช่น ถ่ายรูปราวตากผ้า โต๊ะกินข้าว ข้าวของเครื่องใช้ของบรรดาคนใช้ ฯลฯ พลางเดินด้อมๆมองๆไปตามทาง
       จุ่นปะแป้งหน้าขาวเห็นเอมิกาเดินมาก็ชะงัก รีบยกแขนดมรักแร้สูดกลิ่นชื่นใจ ก่อนจะย่องมาหาเอมิกาทางด้านหลัง
       เอมิกากำลังก้มๆเงยๆถ่ายรูป จุ่นย่องมาใกล้แล้วสะกิดไหล่ เอมิกาหันกล้องไป แล้วก็เผลอกดแชะ จุ่นยิ้มแฉ่งก็ตกใจ
       “ว้าย พี่จุ่น”
       เอมิการีบเก็บโทรศัพท์มือถือ
       “น้องชะเอ(ม) อยากได้รูปพี่ก็ไม่บอก เดี๋ยวพี่เอามาให้ก็ได้ จะได้ไม่ต้องแอบถ่าย พี่เขินนะเนี่ย...อา(ย)มากเลย”
       จุ่นทำหน้าเขินบิดม้วนไปมาและยกนิ้วขึ้นมากัด ก่อนรู้สึกตัวว่า ทำไมเงียบๆ เมื่อตั้งสติหันไปปรากฏว่าเอมิกาหายไปแล้ว
       “อ้าว น้องชะเอ(ม) หายไปไหนอ่า”
       จุ่นเกาหัวอย่างงงๆ
     
       บรรจง สมพิศ นาก กำลังช่วยกันเอากับข้าววางบนโต๊ะเพื่อเตรียมกินข้าว บรรจงหน้าตาอยากเม้าท์มอยมากๆ นากกับจุ่นฟังอย่างสนใจ
       “อีนังคนใหม่น่ะมันตัวแสบ ทำท่าทำทางเหมือนกับเป็นนักเลง จะตบจะตีจง ทั้งๆที่มันเพิ่งมาทำงานวันแรก อย่างน้อยมันต้องสำนึกบ้างว่าจงอยู่ก่อนมัน”
       เอมิกาเข้ามาได้ยินพอดี ก็รู้เลยว่ากำลังโดนด่า ทุกคนหันไปมองเอมิกา จุ่นเดินเข้ามา บรรจงก็ตัวลีบเดินมานั่งข้างๆไม่กล้าซ่า บรรจงเชิดใส่เอมิกาที่ไม่สนใจเดินเข้ามา
       บรรจงกระแทกจานกระแทกช้อนเสียงดัง สมพิศหันไปมอง
       “พอพอ นังจง เอ็งนี่มันม้าดีดกะโหลกจังเว้ย เดี๋ยวข้าวของพังฉิบหายหมด อยู่บ้านเดียวกัน..
       “กินข้าวหม้อเดียวกัน ไม่ต้องกัดกัน” นากกับจุ่นพูดขึ้นมาพร้อมกันอย่างรู้ใจ
       สมพิศค้อนขวับแล้วพูดต่อ กระแทกเสียงปรายตามองเอมิกา
       “ย่ะ เก่งมาจากไหน ก็อย่าทำกำแหง ข้าไม่ชอบ”
       เอมิการู้ตัวแต่ไม่พูดอะไรดีกว่า
       นากกระซิบ
       “มานั่งข้างๆพี่น้องชะเอม ใครพูดอะไรก็ไม่ต้องไปสนใจ”
       เอมิกากำลังจะนั่งแต่บรรจงพูดขึ้นมา
       “โต๊ะเต็มแล้ว”
       นากปกป้องทันที
       “เต็มที่ไหน ขยับๆหน่อย ก็มีที่”
       จุ่นรีบขยับเป็นคนแรก บรรจงมองค้อนตาแทบกลับทำให้จุ่นไม่กล้า เอมิกาตัดปัญหาบอก
       “ไม่เป็นไร ฉันไปนั่งกินข้างนอกก็ได้”
       “ไม่ต้องไป นั่งกินมันที่นี่ ตรงนี้ ไม่ต้องกลัวใคร” นากว่า
       บรรจงโมโหลุกพรวดขึ้นมา สมพิศชะงักรู้ว่าต้องเกิดเรื่อง จุ่นรีบก้มหน้าก้มตากินกินกินเพราะไม่ชอบความตึงเครียด
       “พี่นากพูดงี้ คิดประกาศความเป็นศัตรูกับฉันเหรอ”
       นากเท้าสะเอวยืดอกบอก
       “ฉันไม่ได้เป็นศัตรูกับแก แต่ฉันเป็นเจ้าหนี้”
       บรรจงอึ้งค่อยๆนั่งลง สมพิศหลุบตาต่ำ จุ่นรีบหันไปทางอื่น เอมิกามองอย่างงงๆ นากกวาดตามองทุกคนก่อนจะกอดอก
       “เดี๋ยวแม่ทวงเงินคืนให้หมดเลยดีมั้ย”
       สมพิศรีบหันมายิ้มเอาใจ
       “ชะเอม นาก นั่งนั่ง กินข้าวกันดีกว่า มามะ ฉันตักข้าวให้”
       สมพิศรีบตักข้าวให้นากกับเอมิกา บรรจงไม่กล้าทำอะไร นากยิ้มยืด เอมิกามองอย่างสงสัย
     
       ในเวลากลางคืน นากเดินเข้ามาในห้องนอนกับเอมิกา
       “พี่เป็นเจ้าหนี้ป้าพิศ จงแล้วก็พี่จุ่นเหรอ”
       “แม่นแล้ว คนมันรวยช่วยไม่ได้ ฮ่าๆๆ ถ้าน้องชะเอมอยากได้อะไร บอกพี่นาก พี่นากจัดให้ได้ทุกอย่าง ไม่อยากจะคุย”
       นากหันไปมองรอบๆกลัวคนได้ยินก่อนจะกระซิบบอก
       “พี่มีเงินเก็บเป็นแสน”
       เอมิกาตกใจ นากยักคิ้วแล้วก็ผละออกมา
       “เป็นแค่คนใช้เนี่ยนะพี่”
       “เพราะเป็นคนใช้เนี่ยแหละ ทำให้พี่เก็บเงินได้ น้องชะเอมคิดดู บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ วันไหนพวกคุณๆ เค้าอยากโละเสื้อผ้าเก่า เราก็ได้มาฟรีๆ แถมบางครั้งเวลาพวกคุณเค้าไปเที่ยว เราก็ได้ไปด้วย”
       เอมิกาคิดตาม
       “เออ มันก็จริง เป็นคนใช้นี่มันก็ดีเหมือนกัน”
       “ไม่ได้ดีธรรมดานะ ดีมากเลยต่างหาก เวลาใครถามว่าพี่ทำงานอะไร พี่จะตอบทันทีว่าพี่-เป็น-คนใช้” นากยิ้มยืดด้วยความภูมิใจ
       เอมิกาผงะถามด้วยความแปลกใจ
       “พี่ไม่อายเหรอ”
       “จะต้องอายทำไมน้องชะเอม เราไม่ได้ทำอะไรผิดกฎหมาย นี่เป็นอาชีพที่สุจริต และที่สำคัญ ถ้าไม่มีพวกเรา พวกคุณๆทั้งหลายจะอยู่ได้ยังไง ใครจะซักผ้า หุงหาอาหารให้..จริงมั้ย พี่อ่ะนะไม่คิดจะไปทำอะไรอย่างอื่นแล้ว กะจะเป็นคนใช้มันจนตาย”
       เอมิกามองนากอย่างทึ่งๆ แล้วนากก็จับมือเอมิกา เอมิกาผงะ
       “พี่ว่าเราไปอาบน้ำด้วยกันดีกว่า เหนียวตัวไปหมดแล้ว”
       เอมิกายังเคลิ้มๆอยู่ก็รับปากก่อนนึกได้และสะบัดมือออก
       “ จ๊ะ เฮ้ย ไม่ดีหรอกพี่ มันแปลกๆ มาแก้ผ้าเห็นกันเนี่ยนะ ฮ่าๆ ตลกตายเลย”
       “ตลกตรงไหน หรือว่าน้องชะเอมไม่มีสะดือ ฮ่าๆๆ”
       เอมิกาสีหน้านิ่ง นากพูดต่ออย่างรู้ตัว
       “เออ พี่แซว คนสวยๆอย่างน้องชะเอมจะไม่มีสะดือได้ไง น้องชะเอมอายอ่ะดิ แรกๆก็งี้แหละ อาบด้วยกันบ่อยๆเดี๋ยวก็ชิน”
       นากจะลากเอมิกาออกไป เอมิการีบหยั้งตัวเองเอาไว้
       “ยังไงฉันก็ไม่ชินหรอกพี่ พี่ไปอาบก่อนเถอะ ฉันยังจัดของไม่เสร็จเลย”
       “เอางั้น”
       “จ๊ะ”
       “ก็ได้ เดี๋ยวพี่กลับมา อย่าคิดถึงพี่มากล่ะ เฮอะๆๆ”
       นากคว้าผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าก่อนหันมาขยิบตาให้เอมิกาก่อนจะเดินออกไป เอมิกาขนลุกเกรียว แล้วก็รีบเอาแทปเลตออกมาจากกระเป๋า กดเปิดเครื่อง แล้วพิมพ์ข้อความ
       “คนบางคนรักในอาชีพตัวเอง ถึงแม้จะเป็นอาชีพที่คนอื่นมองว่าต่ำต้อย แสดงว่าการเป็น “คนใช้” มันต้องมีดีอะไร”
       เอมิกายิ้มและพูดออกมาด้วยสีหน้ามุ่งมั่น
     
       “ฉันต้องหาให้เจอให้ได้”
 ภายในห้องนอนคืนต่อมา เอมิกาแกล้งหลับ นากอาบน้ำเสร็จก็ผิวปากอารมณ์ดีเข้ามาในห้อง เห็นเอมิกานอนหลับไปแล้วก็เสียดาย
     
        “อ้าว หลับซะแล้ว”
        นากนั่งบนเตียงมองเอมิกาแล้วยิ้มกริ่ม
        “หลับยังสวยขนาด”
        นากค่อยๆโน้มหน้าลงมาหมายจะหอมแก้ม แต่กลับโดนเอมิกาชกหน้าเปรี้ยง! พร้อมถีบจนตกเตียง
        “โอ๊ย”
        นากจับก้นกบและหน้าด้วยความเจ็บ หันไปเห็นเอมิกาลุกขึ้นนั่งตั้งการ์ดทั้งๆที่หลับตา
        “อย่าเข้ามานะเว้ย ไม่งั้นเจอหมัดพิฆาตดาวเหนือ ว๊าก”
        เอมิกาชกๆๆไม่หยุด นากตกใจตื่นกลัวมาก
        “ละเมอ”
        นากค่อยๆขึ้นเตียง แล้วนอนตัวลีบที่ข้างๆ เอมิกาขยับตัว นากตกใจ แต่เอมิกากลับล้มตัวลงนอนหันหลังให้นาก นากโล่งอก เอมิกาแอบลืมตาขึ้นมา พลางถอนหายใจ พึมพำกับตัวเอง
        “เฮ้อ เกือบไปแล้วเรา”
     
        เช้าวันต่อมา ภายในกองถ่าย นงลักษณ์กำลังเขียนชื่อนักแสดง เช่น พี่ติ๊ก พี่ป๋อ ชมพู่ ฯลฯ มีปองเทพช่วยแปะชื่อที่แก้วน้ำ
        “แกเลิกทำตัวเป็นเด็กได้แล้ว เอมมันไปทำงาน ไม่ได้ไปไหนไกลแกเลย”
        “ก็ฉันกับเอมไม่เคยแยกกันตั้งแต่อนุบาล เรียนก็เรียนที่เดียวกัน บ้านก็อยู่ใกล้กัน ขาดเอมก็เหมือนขาดอากาศหายใจ”
        ปองเทพหน้าแย่เหมือนจะร้องไห้
        “เฮ้ยเช้าอยู่ อย่าทำให้อ้วก แค่นี้ไม่ตายหรอกน่าป่อง แกเชื่อฉัน อย่าไปหาเอม ถ้าไม่อยากให้เอมเดือดร้อน”
        “ทำไมเอมต้องเดือดร้อน”
        “แกจำผู้ชายที่เอมมันตกจากเวทีแล้วลงไปนั่งตักที่ผับโคโยตี้ได้ป่ะ”
        “พอจำได้”
        “อาของเค้าเป็นเจ้าของบ้านที่เอมไปเป็นคนใช้ แล้วตอนนี้เค้าก็จำได้ว่าเอมเป็นโคโยตี้ ดูท่าทางเค้าจะไม่ชอบขี้หน้าเอม ขืนแกไปหาเอมแล้วเค้าเห็น เอมจะลำบากแกเข้าใจที่ฉันพูดใช่ป่ะ”
        นงลักษณ์ยืนหันหลังให้ปองเทพเดินไปหยิบแก้ว พอหันกลับมาปองเทพก็หายไปแล้ว
        “อ้าว หายไปไหนแล้ว”
        นงลักษณ์แปลกใจแต่ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร
     
        เวลาเช้า ภายในห้องนอนนากที่เรือนคนใช้ เอมิกานอนหลับสนิทมาก นากเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเข้ามาปลุก
        “น้องชะเอมตื่นได้แล้ว น้องชะเอม”
        “ขอเอมนอนต่ออีกสิบนาทีนะป้านะ”
        นากเหวอรีบเขย่าตัว
        “ป้าเลยเหรอวะ น้องชะเอม...ลุกได้แล้ว”
        เอมิการู้สึกตัว พอลืมตาเห็นนากก็ตกใจมากรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาปิดตัว นากก็ตกใจรีบกระโดดไปติดกำแพงเพราะกลัวโดนต่อยอีก
        “แกเป็นใคร เข้ามาในห้องฉันได้ยังไง”
        นากกระพริบตาปริบๆถาม
        “น้องชะเอมละเมออีกแล้วเหรอ”
        เอมิกานึกขึ้นได้ หันไปมองรอบๆ แล้วรีบประมวลเหตุการณ์โดยเร็ว เอมิกาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
        “นี่เราเป็นคนใช้นี่หว่า พี่นากนั่นเอง ฉันตกใจหมดเลย”
        “พี่ต้องเป็นฝ่ายตกใจมากกว่า รีบอาบน้ำแล้วตามไปที่ครัว อย่าช้าล่ะ เดี๋ยวป้าพิศด่า”
        เอมิการีบพยักหน้าบอก “จ๊ะจ๊ะ”
        นากออกไป เอมิการีบลุกไปคว้าเสื้อผ้าและผ้าขนหนู ก่อนจะเดินออกไป
     
        ภายในครัว สมพิศ บรรจง นากกำลังช่วยกันเตรียมอาหาร บรรจงหน้าจิกสุดฤทธิ์
        “ดูสิป้า จนป่านนี้ นังนั่นยังไม่มา แบบนี้มันเอาเปรียบกันชัดๆ”
        นากมองบรรจงไม่พอใจ
        “น้องเอมเค้ากำลังมาป้า” นากบอก
        “ปกป้องกันน่าดูเลยนะพี่นาก ระวังเถอะจะโดนหลอกใช้” บรรจงว่า
        “น้องชะเอมเค้าจริงใจว๊อย ไม่สตอเหมือนคนบางคน”
        บรรจงอึ้งไม่กล้าด่า นากยิ้มพร้อมยักคิ้ว สมพิศรีบห้าม
        “พอเลย มันเป็นยังไงกันนะไอ้คู่นี้ กัดกันแต่เช้า ไปอยู่กันคนล่ะมุมเลยไป”
        บรรรจงกับนากแยกกันไปคนละมุม สมพิศส่ายหัวแล้วก็ปวดท้อง
        “อุ๊ย”
     
        บริเวณหน้าห้องน้ำ จุ่นเดินมา พอได้ยินเสียงอาบน้ำก็ผงะหยุดเดิน หันขวับไปมอง
        “ป้าสมพิศ ไอ้นาก น้องจงอยู่ในครัว แล้วใค(ร)อยู่ในห้องน้ำ ต้องเป (เป็น) น้องชะเอ(ม)แหงๆ ขอบคุณสวรรค์”
        จุ่นลูบปากพร้อมยิ้มหื่นย่องเข้าไปห้องน้ำข้างๆ แล้วปิดประตู
        เอมิกาออกมาจากในห้องน้ำที่ติดกับห้องที่จุ่น เอมิกาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินออกไป สมพิศวิ่งมาจากอีกทาง เข้าไปในห้องนั้นต่อทันที
     
        จุ่นพยายามปีนขึ้นไปเหยียบบนโถส้วมด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดเสียงดัง แล้วก็ใช้มือสองข้างจับขอบกำแพง ยืดตัวขึ้นไป หน้ายิ้มมีความหวัง แต่แล้วความหวังก็พังทลายตรงหน้าเพราะสิ่งที่เห็นคือ สมพิศกำลังขี้!
        “อ๊าก”
        สมพิศที่นั่งยองๆเงยหน้าเห็นจุ่นก็ตกใจสุดขีด ขี้หดตดหาย
        “อ๊าย”
        ภายในห้องครัว บรรจงกับนากหันขวับกับเสียงที่ได้ยิน หน้าตาตื่นตระหนก เอมิกาที่กำลังรัดผมหันขวับไปทางต้นเสียงด้วยความตกใจ
     
        สมพิศกำลังถีบจุ่นที่หมอบอยู่บนพื้นและพยายามจะคลานหนี เอมิกา บรรจง นากรีบวิ่งหน้าตาตื่นออกมาเห็นก็ตกใจ
        “น้องจง ช่วยพี่จุ่นด้วย”
        “มันเกิดอะไรขึ้นอ่ะป้า”
        “ถามมันสิว่ามันทำสัปดนอะไร มันมาแอบดูข้าขี้”
     
        ทุกคนตกใจมาก



       บรรจง นากและเอมิการ้องขึ้นพร้อมกัน “ห๊า”
     
        “จุ่นเปล่า จุ่นไม่ได้จะมาแอบดูป้า จุ่นจะมาแอบดูน้องชะเอ(ม)ต่างหาก”
        ทุกคนชะงัก จุ่นนึกได้รีบปิดปากตัวเอง
        “ป้า ถอยไป ฉันจัดการเอง” บรรจงบอก
        สมพิศผละออกมา จุ่นเงยหน้ามองบรรจงพลางส่ายหน้า
        “ยะ ยะ”
        บรรจงถลกกางเกงยกเท้าถีบเข้าหน้าจุ่นเต็มๆ จุ่นร้องลั่น
        “อ๊าก”
     
        เวลาต่อมา จุ่นนั่งหน้าบวม เยิน ตาเขียวช้ำหมดสภาพนั่งอยู่ บรรจงโยนถาดลงบนโต๊ะโครม! จุ่นสะดุ้งโหยง ตกใจ
        จุ่นกระโดดไปเกาะแขนเอมิกาที่ยืนอยู่กับนากและสมพิศ บรรจงถลึงตาใส่ จุ่นรู้ตัวรีบผละออกจากเอมิกาแล้วยกมือไหว้บรรจงท่วมหัว
        “ขอโทษค๊าบ”
        บรรจงหันไปค้อนเอมิกาที่ทำหน้าไม่ถูก
        “วันนี้ฉันขออนุญาตนะป้า”
        “เออ ไปตบไปตีกันข้างนอกนะเว้ย”
        บรรจงดึงหูจุ่นแล้วลากออกไป จุ่นร้องเสียงหลง สมพิศหันมาทางนากกับเอมิกา
        “เอ็งสองคนเอาอาหารเช้าไปให้คุณท่านด้วย”
        สมพิศพูดจบก็เดินออกไป เอมิกาหันมามองนากด้วยความสงสัย
        “ยังมีคุณท่านไหนอีกเหรอพี่นาก”
        นากยิ้มแต่ไม่ตอบ
     
        นากกับเอมิกาเอาอาหารไปวางบนโต๊ะ กิจจานั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ข้างๆมีศรีโพยมที่จ้องเอมิกาไม่วางตา นากหันไปกระซิบบอกเอมิกา
        “นี่คือฯพณฯท่านกิจจาเป็นอดีตนักการเมือง และคุณหญิงศรีโพยม คุณพ่อคุณแม่ของคุณชื่น คุณอรทัย และคุณแป๊ะ”
        “นาก..จานนี้คืออะไร” กิจจาถาม
        “ตับบดฮะ”
        กิจจาตกใจรีบลุกขึ้นยืนอย่างลนลาน
        “หะ กบฏ”
        เอมิกาตกใจกับท่าทางของกิจจา นากรีบอธิบายแล้วตะโกนใส่หูกิจจา
        “ไม่ใช่กบฏฮะ ตับ-บด-ฮะ”
        กิจจาโล่งอก
        “ตับ..บด...ฮะ...ฮะไหน”
        นากนึกได้
        “ฮะฮ่า เฮ้ย ไม่ใช่ฮะ ทานเถอะฮะ”
        นากหันมาพูดกับเอมิกา
        “พูดกับแกแล้วเพลีย แกหูตึง”
        กิจจาได้ยินเข้าพอดี
        “อ้าวไอ้นาก ด่าข้าว่าหูตึงเหรอ”
        นากกับเอมิกาตกใจ รีบเกาหู
        “เปล่านะฮะ นากบอกว่านากคันหู...ไม่รู้เป็นอะไร”
        กิจจาสงบลงไม่ติดใจอะไร แล้วก็ก้มหน้ากินข้าว เอมิกาหันไปเห็นศรีโพยมเอาแต่จ้องหน้าก็ชักกลัว เอมิกาขยับไปหลบหลังนาก ศรีโพยมมองตามตาไม่กระพริบ
        “นี่ใคร” ศรีโพยมถาม
        “คนใช้คนใหม่ฮะ ชื่อชะเอม”
        ศรีโพยมพยักหน้าแล้วก้มหน้ากินข้าว ผ่านไปไม่นานก็เงยหน้ามองเอมิกาอีกครั้ง
        “แม่นี่เป็นใคร มายืนมองฉันทานข้าวทำไม”
        “คนใช้คนใหม่ฮะคุณหญิงชื่อชะเอม”
        ศรีโพยมกินข้าวต่อ นากหันมากระซิบบอกเอมิกา
        “คุณหญิงแกเป็นอัลไซเมอร์ จำได้แต่เรื่องเก่าๆ เรื่องใหม่ๆจำได้แป๊บเดียวก็ลืม”
        เอมิกาพยักหน้าหันไปก็เห็นศรีโพยมจ้องหน้าอีก เอมิกาสะดุ้งเฮือกรีบแนะนำตัว
        “ชื่อชะเอมค่ะ เป็นคนใช้คนใหม่”
     
        ในเวลาต่อมา วเรศแล่นรถเข้ามาจอดพลางมองไปรอบๆเพื่อหาเอมิกาแต่ไม่เห็น
        หลังอาหารเช้าของคุณท่านทั้งสอง เอมิกากับนากยกถาดอาหารกลับมาเจอสมพิศที่กำลังทำกับข้าว สีหน้าเอมิกาดูเหนื่อยๆ
        “ไอ้นาก เดี๋ยวเอ็งช่วยข้าอยู่ในครัว ส่วนเอ็งไปกวาดยักไย่หน้าบ้าน”
        สมพิศบอกเอมิกา
        “ขอพักแป๊บได้มั๊ยป้า”
        “นังนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน เดี๋ยวหักเงินเดือนซะเลย”
        เอมิกามองอย่างเซ็งๆ นากกระซิบ
        “เดี๋ยวพี่เสร็จงานแล้วไปช่วย”
        เอมิกาพยักหน้า แล้วเดินออกไป
     
        เอมิกาพยายามจะกวาดยักไย่บนเพดาน
        “เป็นคนใช้นี่มันก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ขนาดยังไม่ค่อยได้ทำอะไรเท่าไหร่ อดทนเอมิกา สองเดือนเท่านั้น โอ๊ย! ทำไมมันสูงอย่างนี้เนี่ย”
        เอมิกาคิดๆ แล้วหันไปเห็นเก้าอี้ ลากเก้าอี้มาปีนขึ้นไป แต่เก้าอี้โยกเล็กน้อย เอมิกาค่อยๆยืนกวาดยักไย่ กวาดไปก็ไอไปเพราะฝุ่นเข้าหน้า
        วเรศเดินมาเห็นเอมิกาก็จ้องจับผิดทันที ก่อนจะเดินมาหา เอมิกาสำลักฝุ่นอย่างแรงทำให้เสียการทรงตัวจะหล่นจากเก้าอี้ เอมิกาตกใจ
        “เฮ้ย ว๊าย”
     
        เอมิกาทรงตัวไม่อยู่กำลังจะล้มหน้าคว่ำ แต่วเรศพุ่งเข้ามารับทัน เอมิกาล้มมากอดวเรศ ทั้งๆ ที่เท้าทั้งสองข้างยังเหยียบอยู่ที่ขอบเก้าอี้แบบหมิ่นเหม่



       เอมิกาโล่งใจที่ไม่หล่นแต่แล้วก็นึกได้จึงรีบผละออกมา โดยใช้มือสองข้างยันไหล่วเรศเอาไว้ วเรศทำหน้าเย็นชาใส่
     
        “คุณตั้ม”
        วเรศจับแขน เอมิกาตกใจ
        “อย่า”
        ไม่ทันขาดคำ วเรศเอาแขนเอมิกาออก ทำให้เอมิกาหล่นเสียงดัง เอมิกาจุกหน้าเขียว
        “อุ๊ย”
        เอมิกาหันไปเห็นวเรศยืนมองอยู่ก็ค่อยๆลุกขึ้นมาพลางบ่น
        “ปล่อยมาได้”
        “ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”
        เอมิกากุมท้องตัวเองพลางนิ่วหน้ามองอย่างสงสัย
        “ผับที่เราเจอกันถูกสั่งปิด เจ้าของโดนข้อหาค้าประเวณี”
        เอมิกาตกใจและก็สงสัย
        “แล้วคุณมาบอกฉันทำไม คุณคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงประเภทนั้น”
        “ฉันยังไม่ได้พูดซักคำ ร้อนตัวไปรึเปล่า”
        “แค่มองตาก็รู้แล้วว่าคุณคิดอะไร ฉันไม่ได้เป็นอย่างที่คุณเข้าใจ”
        เอมิกาจะเดินหนี แต่วเรศจับแขนเอมิกาเอาไว้
        “จะไปไหน ฉันยังคุยไม่จบ”
        “ฉันต้องไปทำงานต่อ ปล่อย”
        วเรศไม่ปล่อย เอมิกาพยายามแกะมือวเรศออก แล้วเสียงอรวิลาสก็ดังขึ้น
        “พี่ตั้ม”
        วเรศกับเอมิกาหันไปเห็นอรวิลาสเดินมา วเรศรีบปล่อยมือจากเอมิกา เอมิการีบเดินออกไปอีกทาง อรวิลาสมองเอมิกาอย่างไม่พอใจ แล้วก็หันมาทางวเรศพร้อมเข้ามาควงแขนจงใจให้เอมิกาเห็น
        “พี่ตั้มจะมาทำไมไม่โทรมาบอกอรคะ อรจะได้ให้เค้าเตรียมอาหารเช้าเอาไว้ให้”
        “พี่แค่แวะมาคุยเรื่องงานกับคุณอาพีนิดหน่อย”
        “งั้นเราเข้าไปในบ้านกันเถอะค่ะ แถวนี้ไม่ค่อยมีโอโซน”
        อรวิลาสส่งสายตาพิฆาต เอมิกาถึงกับสะดุ้ง และรู้สึกกังวลใจแปลกๆ
     
        ภายในห้องรับแขก ชื่นฤทัยวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะและเงยหน้ามองวเรศกับอรวิลาส
        “ตาตั้มมาก็ดีเลย อามีเรื่องอยากให้ช่วย หนังสือฮาโหลจะมาถ่ายภาพพร้อมสัมภาษณ์ครอบครัวของอาวันพรุ่งนี้ อาอยากให้ตั้มช่วยจัดปาร์ตี้น้ำชาเล็กๆเป็นการต้อนรับ”
        “ไม่มีปัญหาครับ ผมจัดงานด่วนแบบนี้ให้คุณลุงเป็นประจำ งานสร้างภาพเป็นงานถนัดของผมครับ”
        ชื่นฤทัยกับอรวิลาสหุบยิ้มทันที วเรศนึกได้ก็รีบเปลี่ยนคำพูด
        “เออ ผมหมายถึงงานที่ทำให้ภาพลักษณ์ออกมาดูดี ผมถนัดครับ ผมรับรองว่างานวันพรุ่งนี้จะต้องออกมาสมบูรณ์แบบ” ความหมายใหม่ทำให้สองแม่ลูกยิ้มออกมาได้
        “ให้อรช่วยพี่ตั้มด้วยนะคะ”
        “อย่าเลย อรจะเหนื่อยซะเปล่าๆ เดี๋ยววันพรุ่งนี้ไม่สวยนะ”
        อรวิลาสยิ้มเขิน วเรศหันไปทางชื่นฤทัย
        “ถ้ายังไงผมขอยืมคนงานบ้านคุณอาให้มาช่วยผมซักคนก็แล้วกันนะครับ”
        “ได้สิจ๊ะ”
        วเรศยิ้มแต่แววตาเจ้าเล่ห์
     
        นอกตัวบ้าน เอมิกาเดินไปบ่นไป
        “อีตาตั้มนี่ซักเราไม่หยุด”
        เอมิกาหันมองรอบๆด้วยความระแวดระวัง
        “กลับไปเหรอยังนะ”
        เอมิกามัวแต่มองด้านหลังเลยไม่รู้ว่าวเรศยืนอยู่ วเรศเห็นท่าทางเอมิกาก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น
        “มองหาอะไร”
        เอมิกากำลังจะตอบ แต่นึกได้ว่า เสียงนี้เป็นใครก็ร้องอย่างตกใจ
        “ก็หา...คุณตั้ม”
        “ไปกันได้แล้ว”
        “ปะ..ไปไปไหนคะ” เอมิกาพูดอย่างงงๆ
        “ฉันขอคุณอาชื่นให้เธอไปซื้อของกับฉัน”
        พูดจบวเรศก็เดินออกไป ทิ้งให้เอมิกายืนงงอยู่กับที่
       
        ภายในรถ วเรศนั่งที่คนขับ เอมิกาขึ้นมานั่งที่ด้านหลัง วเรศตกใจหันขวับเพราะมันกลายเป็นว่าเค้าเป็นคนขับรถ
        “นั่งหลังทำไม”
        “ก็ฉันไม่อยากทำตัวเทียบเสมอเจ้านาย”
        “แต่นั่งหลังก็เท่ากับว่าฉันเป็นคนขับรถให้เธอ”
        เอมิกานึกขึ้นมาได้
        “เออจริง”
        วเรศส่ายหัว เอมิการีบลงจากรถมานั่งที่ด้านหน้า วเรศขับรถออกไป
        รถวเรศแล่นออกไป สวนกับปองเทพที่เดินมาด้อมๆมองๆตามทางจนมาถึงหน้าบ้านชื่นฤทัยเห็นประตูเปิดพอดีก็รีบเดินเข้าไปข้างใน
        ปองเทพเดินเข้ามาเห็นบ้านหลายหลังในบริเวณเดียวกันก็มองอย่างงงๆ
     
        เสียงเพลงดังคลอเบาๆ ด้วยท่วงทำนองฟังสบายๆ แป๊ะในชุดรัดรูปกำลังเล่นโยคะ สูดอากาศหายใจเข้า-หายใจออก พลันสายตาเหลือบไปเห็นปองเทพเดินอย่างงงๆอยู่ก็เอามือทาบอก ปิ๊งทันที
        “ใครกัน”
        ปองเทพเดินๆอยู่พอเห็นแป๊ะเดินมาหาก็ชะงัก
        “มาหาใครจ๊ะรูปหล่อ”
        ปองเทพเห็นท่าทางแป๊ะก็สะดุ้งไปนิดๆ
        “เออ ผมจะมาสมัครเป็นคนใช้บ้านนี้น่ะครับ”
        “โอ้ตายแล้ว อยากจิเป็นลม เธอมาถูกที่แล้วล่ะ ฉันกำลังต้องการคนใช้เพิ่มพอดี” แป๊ะพูดพลางแสดงท่าโอเวอร์แอคมาก
        ปองเทพยิ้มดีใจ
        “จริงเหรอครับ”
        “อื้อ..ชื่ออะไรล่ะเรา”
        “ป่องครับ”
        “ฉันชื่อคุณแป๊ะ ชื่อเราสองคนเข้ากั๊นเข้ากันเนอะ ป่องแป๊ะ แป๊ะป่อง”
        แป๊ะมองปองเทพตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม แทบอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว ปองเทพยิ้มแหยด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีนัก
     
        ภายในห้องรับแขก ปองเทพยืนตัวเกร็งโดยมีแป๊ะเดินโลมเลียด้วยสายตาไปรอบๆตัวปองเทพและยิ้มกรุ่มกริ่ม ปองเทพรู้สึกเสียวหลังพิกล แล้วแป๊ะก็ตีก้นปองเทพดังเพี๊ยะ! ปองเทพสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
        “คุณแป๊ะตีก้นผมทำไมครับเนี่ย”
        แป๊ะเดินมาตรงหน้า
        “ก็ก้นเธอมันน่าดูเอ็นจนฉันอดใจไม่ไหวน่ะสิ”
        ปองเทพสะท้านไปทั้งตัวรีบถอยไปติดกำแพง เพราะกลัวโดนจับก้นอีก แป๊ะเดินมาตรงหน้าปองเทพใกล้มากจนลมหายใจรดหน้ากัน ปองเทพสยิวและสยองถึงกับเบือนหน้าหนี
        “ตามฉันมา ฉันมีงานจะให้เธอทำ”
     
        แป๊ะจับคางปองเทพยิ้มชอบใจก่อนจะเดินออกไป ปองเทพขนลุกซู่ไปทั้งตัว



       แป๊ะยื่นไม้ขัดพื้นให้ ปองเทพรับมาด้วยสีหน้าแปลกใจ
     
        “ผมไม่ต้องไปทำงานบ้านนั้นเหรอครับ”
        ปองเทพพูดพลางชี้ไปทางบ้านชื่นฤทัย
        “บ้านพี่ชื่นน่ะเหรอ บ้านนั้นคนใช้แทบจะครองบ้านอยู่แล้ว เธอน่ะมาเป็นคนใช้บ้านฉันดีกว่า รับรองว่าฉันเลี้ยงดูหาที่หลับที่นอนให้เธอเป็นอย่างดี”
        ปองเทพอึ้ง เหวอ พูดไม่ออก
        “ขัดพื้นตรงนี้ให้สะอาดเลยนะ ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อ เดี๋ยวกลับมา”
        แป๊ะพูดจบก็ยิ้มหวานให้ปองเทพอีกหนึ่งทีก่อนจะเดินออกไป ปองเทพกลัวมากๆ
        “ไอ้ป่อง แกจะโดนตุ๋ยมั้ยวะเนี่ย บรื้น”
     
        ภายในห้างสรรพสินค้า วเรศกับเอมิกาเดินมาด้วยกัน เอมิกาดูระแวงๆ อึดอัด ไม่สบายใจ วเรศเองก็ก็เหล่เอมิกาอย่างไม่ไว้ใจและหวาดระแวงเช่นกัน
        “เห็นคุณอาชื่นบอกว่าเธอทำงานเป็นแม่บ้านมาสามปี”
        เอมิกาตอบแบบอึกอักไม่เต็มเสียง
        “เออ...ค่ะ”
        “แสดงว่าก่อนที่จะมาเป็นโคโยตี้ เธอก็เป็นแม่บ้านมาก่อนงั้นสิ”
        “ใช่ค่ะ”
        “สามปีกับการเป็นแม่บ้านคงทำให้เธอมีประสบการณ์มาก”
        “ประมาณนั้นค่ะ”
        “เธอทำอะไรได้บ้าง”
        เอมิกามองวเรศ พลางคิดในใจ
        “เอาว่ะเอมิกา ทำใจดีสู้เสือ เนียนซะอย่าง ยังไงก็จับผิดเราไม่ได้”
        วเรศถามย้ำกับเอมิกาที่นิ่งเงียบไป
        “ตกลงเธอทำอะไรเป็นบ้าง”
        เอมิกาทำเสียงหนักแน่นมั่นใจ
        “ถูบ้าน กวาดบ้าน ล้างจาน ซักผ้า รีดผ้า เลี้ยงหมา เลี้ยงเด็ก ทำกับข้าว ร้องเพลง เต้นรำ”
        วเรศรู้สึกว่าชักจะมากไป
        “พอ ก็ดูจะทำทุกอย่างเป็น”
        “แน่นอนค่ะ ต้นตระกูลฉันเป็นคนใช้ในวังมาก่อน หลังจากหมดยุคเจ้าขุนมูลนาย ครอบครัวฉันก็ยังยึดอาชีพเป็นคนใช้ เพราะฉะนั้นความเป็นคนใช้มันจึงฝังอยู่ในสายเลือดของฉัน มันเป็นอาชีพที่ฉันคิดจะทำไปจนวันตายเลยล่ะค่ะ”
        วเรศเงียบไปอึดใจ เอมิกาคิดในใจ
        “อึ้งไปเลยสิอีตาคุณตั้ม..หึหึหึ”
        วเรศสบโอกาส
        “แสดงว่าเธอก็ต้องเคยจัดงานใหญ่ๆที่บ้านเจ้านายมาก่อน”
        “คุณตั้มนี่รู้จริงไรจริง”
        วเรศหยุดเดินหันมาทำให้เอมิกาต้องหยุดเดินแล้วหันมา
        “งั้นก็ดี พรุ่งนี้คุณอาชื่นจะมีงานปาร์ตี้น้ำชาเล็กๆ ฉันอยากให้เธอทำอูกราแตงเป็นอาหารทานในงาน เราไปหาซื้อของกัน”
        เอมิกาทำหน้าเหวอ วเรศเดินออกไปเลย เอมิกาบ่นและตบปากกับตัวเอง
        “บ้าเอ๊ย ตั้งแต่เกิดมา อย่าว่าแต่ทำอูกราแตงเลย หั่นแตงโมเองยังไม่เคยทำ ปากหนอปาก เวรแล้วเอมิกา”
        เอมิกาอยากจะบ้าตายรีบเดินตามวเรศไปทันที
     
        ปองเทพกำลังขัดพื้น โดยมีแป๊ะใส่เสื้อคลุมตัวใหญ่ๆแบบญี่ปุ่น นั่งดื่มน้ำส้ม มีถาดวางผลไม้วางอยู่ข้างๆ มองปองเทพด้วยแววตาที่เป็นประกายจนปองเทพหวั่นใจ
        “ป่องจ๋า”
        ปองเทพขนลุกเกรียวหันมา แป๊ะพูดต่อ
        “ขัดพื้นใต้ม้านั่งตรงนั้นหน่อยสิ”
        ปองเทพก้มลงขัดพื้นใต้ม้านั่งทำให้ก้นกระดก แป๊ะชอบมากถูกใจ หยิบกล้วยมาปอกแล้วอ้าปากกว้างกินเข้าไปทั้งใบ แต่กลับติดคอเพราะกินเร็วไปหน่อย … แค่กแค่กแค่ก
        แป๊ะรีบลุกขึ้นมายืนไอหน้าดำหน้าแดง ปองเทพหันขวับไปเห็นตกใจ
        “คุณแป๊ะ”
        ปองเทพรีบเข้าไปกอดแป๊ะด้านหลังแล้วเขย่าๆๆ แป๊ะตื่นตาตื่นใจชอบมากๆทั้งๆที่กล้วยคาปาก
        “คุณแป๊ะเป็นไงบ้างครับ คุณแป๊ะ คุณแป๊ะ”
        กล้วยหลุดจากปากแป๊ะ แป๊ะหันมายิ้มตาเยิ้ม ชทำเอาปองเทพแปลกใจ
        “สบายแล้วล่ะจ๊ะ”
        ปองเทพรู้สึกตัวว่าอยู่ในท่าที่ไม่เหมาะสมเลยรีบผละออกมา
        “ป่องทำงานต่อเถอะ”
        แป๊ะหันหลังยิ้มอย่างมีความสุข ปิดปากหัวเราะคิกคักแล้วก็เดินเข้าไปในบ้าน ปองเทพรูสึกงงมาก ไม่เข้าใจ
     
        เอมิกาเข็นรถเข็นด้วยสีหน้าตื่นเต้นมาก วเรศที่เดินตามมองเอมิกาอย่างจับผิด เอมิกาเครียดมาก แล้วก็หันไปยิ้มให้วเรศ
        “ฉันว่าคุณไปเดินเล่นดีมั้ย ทางนี้ฉันจัดการเอง”
        “ไม่ล่ะ ฉันอยากช่วย”
        “ฉันเกรงใจ คุณเป็นเจ้านายนะคะ นี่เป็นหน้าที่คนใช้อย่างฉัน”
        “ไม่เป็นไร ฉันอยากช่วยจริงๆ ไปเถอะ รีบหาซื้อของเข้าเพราะยังมีหลายอย่างที่ต้องทำ”
        วเรศยิ้มเยือกเย็น เอมิกายิ้มแหยก่อนจะหันมาเข็นรถต่อด้วยสีหน้าครุ่นคิด แล้วก็นึกอะไรออกทำเป็นปวดฉี่หันไปทางวเรศ
        “คุณตั้มคะ ฉันขอไปห้องน้ำก่อนนะคะ”
        เอมิการีบวิ่งออกไปโดยไม่รอฟังคำตอบ วเรศมองสงสัย
     
        เอมิกาเข้าไปในห้องน้ำแล้วล็อคประตู รีบกดมือถือ เปิดหาในกูเกิ้ลคำว่า “อูกราแตง” ไม่นานก็มีสูตรการทำอูกราแตงขึ้นมา เอมิกาดีใจสุดๆทำท่าเยส รีบเอาปากกาออกมาจากกระเป๋าสะพาย แล้วจดสิ่งของที่ต้องซื้อในมือทันที
     
        เอมิกาเดินกลับมาด้วยสีหน้าแฮปปี้มากจนวเรศแปลกใจ
        “ไปค่ะคุณตั้ม ไปหาซื้อของกัน”
        เอมิกาหยิบวัตถุดิบต่างๆ พลางแอบดูที่จดในมือไปด้วย ทั้งมักกะโรนี หัวหอม เนย แฮม เห็ด ชีส แป้งสาลี นมสด ฯลฯ
        วเรศมองเอมิกาอย่างทึ่งในความคล่องแคล่ว เอมิกาหันมายิ้มให้วเรศแบบเย้ยๆ
        “เสร็จแล้วค่ะคุณตั้ม ไปจ่ายเงินกันเลยนะคะ”
     
        เอมิกาเดินตัวปลิวปล่อยให้วเรศเข็นรถตามไปแบบงงๆ
 ในเวลาต่อมา ปองเทพทิ้งตัวนั่งลงที่ใต้ต้นไม้ ทุบแขนทุบไหล่ตัวเองด้วยความเมื่อย
       
        “แค่ขัดพื้น ทำไมมันทั้งเหนื่อยทั้งเมื่อยงี้วะ เฮ้อ”
        ปองเทพถอนหายใจ สายลมโชยเอื่อย ทำให้ปองเทพเผลอหลับตา
        มีบางอย่างแอบมองปองเทพอยู่ไม่ไกลนัก มันค่อยๆเดินมาหาปองเทพแล้วก็แลบลิ้นออกมา เลียหน้าปองเทพไม่หยุด มันคือ..ชายใหญ่ หมาลาบราดอร์รูปร่างแข็งแรง ที่นึกว่าปองเทพเป็นขนมเลยเลียซะ ปองเทพยิ้มมีความสุข รู้สึกเคลิ้มๆ จักจี้ๆ หัวเราะคิกคักๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นมาแล้วก็ตกใจสุดขีด เพราะหน้าชายใหญ่อยู่ที่ปลายจมูก ปองเทพตาเหลือกร้อง “อ๊าก”
        ชายใหญ่เห่าใส่พร้อมขู่ไม่หยุด ปองเทพลนลานรีบลุกขึ้นวิ่งหนี แต่ชายใหญ่กัดขากางเกงปองเทพไม่ให้ ไป ปองเทพสู้แรงไม่ไหว ล้มไปบนพื้น
        “เฮ้ย ปล่อยฉันนะไอ้หมาบ้า ปล่อยสิเว๊ย ปล่อย”
        ชายใหญ่ไม่ยอมปล่อยนึกว่าปองเทพเล่นด้วยเลยดึงขากางเกง ดึง ดึง ดึงจนกางเกงหลุด ปองเทพตัดสินใจทิ้งกางเกงให้ชายใหญ่แล้วรีบลุกขึ้นวิ่งหนีออกไปโดยที่ไม่ใส่กางเกง
        อีกด้านหนึ่ง อรวิลาสในมือมีเชือกจูงเดินมองหาชายใหญ่มาตามทาง
        “หายไปไหนแล้ว ชายใหญ่ ชายใหญ่”
        ปองเทพวิ่งหนีชายใหญ่ที่ยังคงวิ่งตามมาติดๆ ปองเทพตาลีตาเหลือกวิ่งชนกับอรวิลาสเข้าอย่างจัง ปองเทพกับอรวิลาสตกใจ “เวย/ อ๊าย”
        ทั้งสองคนตกใจ อรวิลาสก้มมองเห็นปองเทพที่ไม่ใส่กางเกงก็กรี๊ดลั่นบ้าน ปองเทพรู้ตัว เห็นกระถางต้นไม้อยู่แถวนั้นเลยรีบเอามาปิดน้องชายไว้
        “ไอ้โรคจิต ไอ้วิตถาร ไอ้บ้า นายเข้ามาในบ้านฉันได้ยังไง ฉันจะแจ้งตำรวจ”
        “เฮ้ย เดี๋ยว”
        อรวิลาสไม่สนใจรีบหันหลังเดินหนี ปองเทพรีบไปวิ่งไปขวางทาง อรวิลาสตกใจ
        “นายจะทำอะไรฉัน”
        “ผมเปล่า”
        ปองเทพรีบยกมือขึ้นทำให้กระถางหล่นทับเท้า ปองเทพสะดุ้งโหยง
        “โอ๊ย”
        อรวิลาสตะลึงร้อง “อ๊าย”
        “โว๊ย หยุด!”
        ปองเทพสั่งอรวิลาสอ้าปากค้างแล้วอธิบาย
        “ผมเป็นคนใช้บ้านคุณแป๊ะ ไม่ใช่ไอ้โรคจิตไอ้วิตถารอย่างที่คุณเข้าใจ”
        ระหว่างนั้น ชายใหญ่วิ่งมาคาบปลายเชือกในมืออรวิลาส แล้วก็วิ่งไปรอบๆคนคู่นี้ จนเชือกพันสองคนเอาไว้ แต่สองคนไม่รู้ตัว
        “คนใช้บ้านน้าแป๊ะ ดีล่ะ ฉันจะฟ้องน้าแป๊ะว่านายทำอนาจารในบ้านของฉัน”
        “เอ้ย”
        อรวิลาสจะหันหลังแต่ขยับไม่ได้ ปองเทพก็เช่นกัน พอก้มมองก็เห็นเชือกพันรอบขาสองคนเอาไว้ อรวิลาสกับปองเทพต่างตกใจ ชายใหญ่ยืนมองอย่างชอบใจ อรวิลาสพยายามจะเดินจนปองเทพเสียหลัก
        “เฮ้ยเฮ้ยคุณ ระวังระวัง”
        ปองเทพเซชนอรวิลาสทำให้สองคนเสียหลัก เซแถ่ดๆไปตามทางอย่างควบคุมไม่ได้ แล้วทั้งสองคนก็เซตกลงในสระบัว ตูม! เชือกหลุดกองอยู่บนพื้น อรวิลาสกับปองเพทพรวดขึ้นมาจากน้ำหมดสภาพสุดๆ ชายใหญ่ยกขาหน้าขึ้นมาพร้อมกับเห่าและกระดิกหางด้วยความชอบใจ
       
        ภายในห้องรับแขกภายในบ้านชื่นฤทัย ปองเทพใส่กางเกงแล้วนั่งตัวเปียกหมดสภาพอยู่ที่พื้น ข้างๆแป๊ะ มีชื่นฤทัย อรวิลาสในสภาพตัวเปียกนั่งตรงข้าม และชายใหญ่นั่งบนพื้นข้างๆอรวิลาส
        “เนี่ยเหรอหมาที่เพิ่งออกมาจากโรงเรียน สันดานก็ยังเป็นหมาอยู่เหมือนเดิม”
        แป๊ะมองค้อนชายใหญ่ตาแทบกลับ ชายใหญ่ยกขาหน้าขึ้นมาปิดตาตัวเองอย่างจ๋อยๆพร้อมกับครางออกมาเบาๆ
        “น้าแป๊ะต้องด่ามัน”
        อรวิลาสพูดพลางปรายตาดูถูกทำให้ปองเทพไม่ชอบใจ
        “ถึงจะถูกนะคะ มีอย่างที่ไหนวิ่งแก้ผ้าโทงๆอยู่ในสวน ชายใหญ่ไม่กัดตายก็บุญแล้ว ฮัดเช้ย” อรวิลาสจามใส่หน้าชื่นฤทัยเต็มๆ
        “ว้าย ขอโทษค่ะคุณแม่”
        ชื่นฤทัยดึงกระดาษทิชชู่บนโต๊ะมาเช็ดหน้า
        “ผมบอกคุณแล้วไงว่าหมาคุณเข้ามาแย่งกางเกงผม”
        “กางเกงนะไม่ใช่ขนม มันจะมาแย่งทำไม ไอ้โกหก”
        ชายใหญ่เห่าเห็นด้วย ปองเทพหันไปมองชายใหญ่หัวเสีย
        “ใครกันแน่ยะที่โกหก ดูหมาแกโน่น”
        อรวิลาสกับชื่นฤทัยหันไปมองชายใหญ่
        “ดูให้ดีว่ามีอะไรผิดปกติจะได้ตาสว่าง”
        ชื่นฤทัยจับหน้าชายใหญ่ให้หันมาแล้วก็ช่วยกันจ้องกับอรวิลาส
        “ไหนอ่ะ มีอะไร”
        “นั่นสิคุณแม่”
        สองแม่ลูกมองถลึงตาหน้าใกล้และใหญ่มาก ชายใหญ่คราง และพยายามเบือนหน้าหนี และเมื่อจ้องใกล้หน้าชายใหญ่ ใกล้มากขึ้น มากขึ้นก็เห็นเศษกางเกงติดอยู่ที่มุมปากชายใหญ่ อรวิลาสกับชื่นฤทัยตกใจ
        ชื่นฤทัยหยิบเศษผ้าอันจิ๋วออกมา แล้วหันไปทางแป๊ะกับปองเทพที่นั่งทำหน้าไม่ถูก
        “เศษกางเกงของป่อง”
        สองแม่ลูกสะดุ้ง แป๊ะพูดต่อ
        “แป๊ะไม่เรียกค่าเสียหายก็บุญเท่าไหร่แล้ว”
        “เอาน่าแป๊ะ เรื่องไม่เป็นเรื่อง อย่ามาทำให้เป็นเรื่องหน่อยเลย”
        แป๊ะนิ่งไปพัก
        “ก็ได้ครับ แต่อย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกก็แล้วกัน ป่อง กลับบ้าน”
        แป๊ะเชิดใส่ก่อนจะเดินออกไป ปองเทพหันไปมองอรวิลาสที่ถลึงตาใส่ด้วยความแค้นแล้วก็สะดุ้ง รีบเดินตามแป๊ะออกไป



       ภายในห้างสรรพสินค้า วเรศเดินเข้ามาในร้านขายชา ก่อนจะหันไปทางเอมิกาที่เข็นรถตามมา
        “รอฉันตรงนี้ ฉันจะเข้าไปเลือกชา”
        วเรศเดินเข้าไปถามกับพนักงาน
        “ผมอยากได้ชาที่มีกลิ่นหอมหวานน่ะครับ”
        เอมิกาได้ยินก็ว่า
        “โรส ปูซองไงคะคุณตั้ม”
        วเรศชะงักหันขวับไปมองเอมิกา
        “ชาที่มีกลิ่นหอมของกุหลาบ ใช่มั้ยคะคุณพนักงาน”
        พนักงานบอก
        “ใช่ค่ะ รับมั้ยคะ”
        “มีให้ชิมมั้ยครับ”
        “มีค่ะ ซักครู่นะคะ”
        พนักงานเดินออกไป วเรศหันมามองเอมิกาที่ยิ้มเย้ยๆ
        วเรศกับเอมิกานั่งตรงข้ามและมองหน้ากัน พนักงานกำลังรินน้ำชาให้เสร็จก็เดินออกไป วเรศยกชาขึ้นมาดมกลิ่น
        “ถ้าคุณคิดว่ากลิ่นมันหอมหวานเกินไป ฉันมีอีกอันอยากแนะนำ เลปซาง ซูซอง ชาจากเมืองจีน มีกลิ่นหอมของควันไฟซึ่งได้มาจากการรมควันชาด้วยถ่านไม้โอ๊ค”
        “เธอรู้เรื่องชาพวกนี้ได้ยังไง”
        “ฉันเคยไปซัมเมอร์ที่อังกฤษ แล้วเข้าคอร์สเรื่องชา”
        เอมิกาผงะนึกได้ว่าหลุดปาก วเรศได้ยินไม่ถนัดก็ถาม
        “ใครเคยไปซัมเมอร์ที่อังกฤษนะ”
        เอมิการีบแก้ตัว
        “อ่า เออ ลูกเจ้านายเก่าฉันน่ะ เค้ามาสอนฉันเรื่องชา เรื่องปาร์ตี้พวกนี้ เพื่อให้ฉันจัดงานให้เวลามีเพื่อนๆเค้ามาที่บ้าน”
        เอมิกายิ้มแล้วรีบยกแก้วชาขึ้นมาจิบ ท่าจับแก้วดูมีจริตมาก ทำเอาวเรศนิ่วหน้าแปลกใจ และเพราะมัวแต่มองเลยทำให้น้ำชาลวกปาก
        “โอ๊ย”
        เอมิกาขำออกมา วเรศมองไม่พอใจ เอมิการีบหุบยิ้ม วเรศรีบเอากระดาษมาเช็ดปากตัวเองแทบพอง
       
        วเรศจอดรถ วเรศกับเอมิกาเปิดประตูลงมา ทันใดนั้นชายใหญ่เห็นเอมิกาก็พุ่งเข้ามาพร้อมกับเห่า เอมิกาตกใจ ร้องลั่น
        “อ๊าย”
        เอมิการีบวิ่งมาหลบหลังวเรศพร้อมเกาะแขน วเรศเหล่มอง เอมิการู้ตัวรีบเอามือออก
        “ไหนว่าเคยเลี้ยงหมา”
        เอมิการีบแก้ตัว
        “เออ ฉันไม่เคยเลี้ยงหมาตัวใหญ่ เคยเลี้ยงแต่หมาตัวเล็ก อย่างชิวาว่า หรือ พุดเดิ้ลทอย”
        วเรศมองแบบไม่เชื่อแล้วก็หันไปทางชายใหญ่ยิ้มด้วยความดีใจ
        “ชายใหญ่”
        วเรศเข้าไปลูบหัวชายใหญ่ ชายใหญ่ดีใจมากตะกุยวเรศไม่หยุด
        “ฉันรู้ว่าแกคิดถึงฉัน”
        เอมิกามองวเรศที่ยิ้มกว้างเล่นกับชายใหญ่ ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นใจดี เอมิกายิ้มเคลิ้มเผลอมองนาน จนวเรศหันมาเรียก
        “ชะเอม”
        “ขา” เอมิกาส่งเสียงหวาน
        วเรศชะงัก เอมิกาสะดุ้ง แล้วก็รีบทำตัวให้เป็นปกติ
        “เอาของเข้าไปเก็บ”
        “ค่ะค่ะ”
        เอมิการีบขนของลงจากรถแล้วเดินออกไป
       
        เอมิกาหิ้วของเต็มไม้เต็มมือมาตามทาง ทันใดนั้นก็มีมือมาปิดปาก เอมิกาตาเหลือกตกใจ หันไปเห็นว่าเป็นปองเทพก็แทบช็อก
        “เราเอง”
        เอมิกาทิ้งของบนพื้นแล้วเอามือปองเทพออก หันไปมองรอบๆกลัวมีคนเห็น รีบลากปองเทพเข้าไปหลบ
        “ป่อง แกเข้ามาทำไม รีบออกไปเลย เดี๋ยวความแตก”
        “เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น”
        เอมิกานิ่วหน้าอย่างสงสัย
        “เพราะตอนนี้เราเป็นคนใช้บ้านคุณแป๊ะ”
        “ห๊ะ แกจะบ้าเหรอไอ้ป่อง”
        “เราไม่ได้บ้า เราเป็นห่วงเอม เราอยากอยู่ดูแลความปลอดภัยให้เอม”
        เอมิกาอยากจะทึ้งตัวเองตรงนั้น
        “โธ่เอ๊ย ฉันขอร้องนะป่อง แกลาออกไปเหอะ”
        ปองเทพจับมือเอมิกา
        “ไม่..แค่วันเดียวที่เอมมาเป็นคนใช้ที่นี่ เราก็จะตายอยู่แล้ว ต่อให้เอมเอาช้างมาฉุด เราก็ไม่ลาออก” 
        เอมิกามองปองเทพแล้วครุ่นคิด ปองเทพยกมือสาบาน
        “เราสาบานว่าเราจะไม่ทำให้เอมเดือดร้อน ขอแค่ให้เราเห็นเอมอยู่ในสายตาก็พอ นะนะนะ”
        เอมิกาเครียด
        “ถ้าอย่างนั้นเราต้องทำเป็นไม่รู้จักกัน เจอหน้ากันก็ห้ามทัก โอป่ะ”
        ปองเทพหน้าเสีย
        “เออ ทักนิดนึงไม่ได้เหรอ”
        “ไม่ได้”
        เอมิกามองปองเทพด้วยสีหน้าโหดจนปองเทพไม่กล้าหือ
        “ก็ได้”
        เอมิกาถอนหายใจเฮือกใหญ่
       
        เอมิกาเอาของมาวางบนโต๊ะ นากรีบเข้ามายืนข้างๆ
        “น้องชะเอมซื้ออะไรมาตั้งเยอะแยะ”
        “ของที่ฉันต้องทำเลี้ยงแขกวันพรุ่งนี้”
        “น้องชะเอมจะทำอะไร ให้พี่ช่วยนะฮะ”
        “ฉันจะทำอูกราแตง เป็นอาหารฝรั่งเศส”
        นากอึ้ง บรรจงกับจุ่นเดินเข้ามาด้วยกัน จุ่นดูหน้าจ๋องมาก
        “กระแดะทำอาหารฝรั่ง ขี้อวด” บรรจงแขวะ
        เอมิกาหรี่ตามองบรรจงอย่างไม่พอใจ
        “ฉันไม่ได้ขี้อวด แต่คนเราต้องรู้จักพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่ทำอะไรซ้ำซากจำเจย่ำอยู่กับที่”
        “เป็นแค่คนใช้ จะต้องพัฒนาอะไรห๊ะ”
        “ถึงจะเป็นแค่คนใช้ ก็ต้องเป็นคนใช้ที่ดีที่สุดในโลก”
        “แกนี่มันเพ้อเจ้อ คนใช้ก็คือคนใช้วันยังค่ำ ไม่มีทางที่ใครจะมายกย่องเชิดชูหรอกเว๊ย”
        เอมิกาไม่พอใจแต่สมพิศเข้ามาซะก่อน
        “นังชะเอม ไอ้นาก นังจง ไอ้จุ่น คุณชื่นเรียกประชุมด่วน”
       
        ชื่นฤทัยนั่งหน้าพอกโคลนอยู่บนโซฟา เอมิกา นาก นั่งฝั่งหนึ่ง สมพิศ บรรจง จุ่น นั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
        “วันพรุ่งนี้จะมีหนังสือมาสัมภาษณ์ฉัน ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานให้เต็มที่ อย่าให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นเด็ดขาด เข้าใจมั้ย”
        ค่ะ / ครับ”
       
        ภายในห้องน้ำในเรือนคนใช้ เอมิการีบกดโทรหานงลักษณ์ด้วยหน้าตาตื่นเต้น เอมิกากระซิบบอก “นง ฉันมีเรื่องอยากให้แกช่วยด่วน”



       สมพิศ นาก จุ่น และบรรจงกำลังช่วยกันจัดสถานที่ ทั้งสี่เอาผ้ามาปูโต๊ะ วางแจกันดอกไม้ จัดถ้วยชาเป็นเซ็ทๆ แล้วก็เอาจานออกมาวาง วเรศกำลังตรวจดูความเรียบร้อย เขามองหาเอมิกาแต่ก็ไม่เห็น
       
       “ชะเอมไปไหน? ทำไมไม่ออกมา” วเรศนิ่วหน้าแล้วก็ครุ่นคิด
       
       ปองเทพนิ่วหน้ามองเอมิกา
       “นงจะให้คนส่งอูกราแตงมาให้??” ปองเทพทวนคำ
       เอมิการีบเอามือปิดปากปองเทพ “ชู่ว์!! อย่าเสียงดัง เดี๋ยวมีคนได้ยิน”
       ปองเทพเอามือเอมิกาออกมาแล้วจับไว้ “เราไม่เข้าใจ”
        “ก็ยังไม่ต้องเข้าใจ เพราะเราไม่มีเวลาอธิบาย ป่องทำตามที่เราบอก รีบไปหลังบ้าน อีกสิบนาทีจะมีคนมาส่งของ แล้วป่องก็รีบเอามาให้เราที่ห้องครัว อย่าให้ใครเห็นเด็ดขาด”
        ปองเทพพยักหน้าแบบงงๆ ก่อนจะปล่อยมือเอมิกาแล้วก็รีบเดินออกไป เอมิกาโล่งอก เธอหันกลับมาเห็นวเรศยืนมองอยู่ก็ถึงกับสะดุ้งโหยงแล้วหน้าถอดสีเพราะเธอตกใจมาก
       “แฟนเธอเหรอ?” วเรศถาม
       เอมิกาทำเสียงสูงพร้อมกับหน้าเหรอหรา “แฟน!” เอมิกาหันซ้ายหันขวา “ใครแฟนฉัน?”
       “ก็ผู้ชายที่คุยกับเธอเมื่อกี๊”
        เอมิกาแกล้งทำเป็นนึก “อ๋อ...นายป่อง? เค้าไม่ใช่แฟนฉัน เค้าเป็นคนใช้บ้านคุณแป๊ะ เพิ่งมาทำงานเมื่อวาน”
        “ไม่ใช่แฟน?” วเรศทวนคำ เอมิกาพยักหน้า “เพิ่งมาทำงานเมื่อวาน?” เอมิกาพยักหน้า “แต่จับมือกันถึงสองครั้งเนี่ยนะ?” เอมิกาไม่เข้าใจ วเรศพูดต่อ “วันก่อนฉันเห็นเค้ามาหาเธอที่หน้าบ้าน”
        เอมิกาอึ้งมาก เธอพยายามแก้ตัว
        แล้วเอมิกาพูดคล่องมากแบบไม่มีตะกุกตะกัก “คุณตาฝาดแล้ว วันก่อนที่คุณเห็นคือพี่ชายฉัน เค้าสองคนคงคล้ายๆกันมั๊ง คุณถึงนึกว่าเป็นคนเดียวกัน”
        วเรศมองเพราะรู้ว่าเอมิกาโกหก แต่เอมิการีบเปลี่ยนเรื่อง
       “ฉันขอเข้าไปในครัวก่อนนะ” เอมิกาตัดบท
        เอมิกาพูดจบ เธอรีบหันหลังแล้วเดินออกไป เอมิกาพลางพ่นลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก วเรศยังคงจับตามองเธอไปตลอดทาง
       
        เอมิกากำลังจะเดินเข้าไปในครัวแต่วเรศยื่นมือมาจับไหล่ เอมิกาหันไปตกใจที่วเรศเดินตามมา
       “คุณตั้ม!! นี่คุณตามฉันมาทำไมเนี่ย? ตามติดเป็นตุ๊กแกเลยนะ”
       วเรศหรี่ตาเพราะไม่พอใจ เอมิการู้ตัวจึงรีบพูด
       “อุ่ย..ขอโทษค่ะ”
       “ฉันอยากเห็นหน้าตาอูกราแตงที่เธอทำ”
       เอมิกาตกใจจนหน้าถอดสี “ไม่ได้ค่ะไม่ได้”
        “ทำไม? หรือว่าเธอยังไม่ได้ทำ เอ๊ะ! พูดแบบนี้ไม่ได้สิ ต้องบอกว่าหรือว่าเธอ-ทำ-ไม่-เป็น” วเรศพูดเน้นคำ
        เอมิกาทำเป็นไม่พอใจ “คุณจะดูถูกฉันมากไปแล้วนะคะคุณตั้ม ที่ฉันไม่ให้คุณเข้าไป เพราะทุกอย่างยังไม่เรียบร้อย แล้วอีกอย่างในครัวน่ะเหม๊นเหม็น คุณคงไม่อยากตัวเหม็นออกไปรับแขกหรอก ขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
        เอมิกาพูดจบก็รีบเข้าครัวแลวปิดประตูใส่หน้าวเรศดังปัง วเรศสะดุ้ง
        “นี่!!” วเรศจะเปิดประตูก็เปิดไม่ได้ เขาทั้งหงุดหงิดและหัวเสียที่ยังจับผิดเอมิกาแบบคาหนังคาเขาไม่ได้สักที พลันเสียงมือถือของวเรศก็ดังขึ้น วเรศกดรับ
       “ครับอาชื่น ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้ครับ”
        วเรศหันไปมองที่ประตูห้องครัวอีกครั้ง แล้วเขาก็ตัดสินใจเดินออกไป ไม่นานเอมิกาก็เปิดประตูแล้วโผล่หน้าออกมามอง พอเธอเห็นวเรศไปแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
       
        อรวิลาสฉีดน้ำหอมจนทั่วทั้งตัว เธอติดขนตายาว เซ็ทผม ทาปากแดง เสื้อผ้าดูไฮโซ พอฉีดน้ำหอมเสร็จแล้วก็สำลักเอง
       “จัดเต็มขนาดนี้ ถ้าพี่ตั้มเห็นแล้วยังไม่รู้สึกอะไร พี่ตั้มก็ตายด้านแล้วล่ะ”
       อรวิลาสยิ้มด้วยมั่นใจ พอหันไปก็เจอหนูอ้อยยืนอยู่ที่ประตูตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
       อรวิลาสตกใจ “ว๊าย!”
       “พี่อรบ้าหรือเปล่าค่ะเนี๊ยเนี่ย พูดคนเดียวอยู่ได้ตั้งนาน” หนูอ้อยว่า
       อรวิลาสฉุน “มันไม่ใช่เรื่องของแก ทำไมไม่รู้จักเคาะประตูก่อนเข้ามา”
       “โอ๊ย ! ไม่ต้องทำเป็นมีมารยาทมากหรอกค่ะ ปกติก็ไม่เห็นจะเคยมีมารยาทตรงไหน”
       อรวิลาสฉุน “นังอ้อย!”
       หนูอ้อยแบมือไปตรงหน้า “หนูอ้อยขอยืมสร้อยเพชรของพี่อรหน่อยสิ”
        “อยากได้สร้อยเพชร” อรวิลาสถาม หนูอ้อยพยักหน้า “ฉัน-ไม่-ให้” อรวิลาสตะโกนใส่หน้าหนูอ้อย หนูอ้อยไม่พอใจ “ดัดจริตมากไปแล้วนะแก” อรวิลาสจิ้มหัวหนูอ้อยจนโคลง “ออกไปเลยไป เกะกะ น่ารำคาญ!”
        อรวิลาสเดินฉับๆออกไป หนูอ้อยหันไปมองตามแล้วยืนกำมือแน่นด้วยความโมโห
       
        ปองเทพหิ้วถุงอาหารรีบย่องมาตามทาง เขามองซ้ายมองขวาไปด้วยเพราะกลัวมีคนเห็น ท่าทางของปองเทพดูล่อกแล่กมีพิรุธมากๆ เขาเดินจ้ำไปแต่แล้วก็ต้องเบรกเอี๊ยดเพราะอรวิลาสกำลังเดินมา ปองเทพรีบหันหลังจะไปอีกทาง แต่ไม่ทันแล้วเพราะอรวิลาสเห็นพอดี
       “นี่!”
       ปองเทพไม่หยุดเดิน อรวิลาสไม่พอใจ
       “คนใช้น้าแป๊ะ! ฉันเรียกไม่ได้ยินเหรอไง” อรวิลาสตะโกนไล่หลัง
       ปองเทพจำต้องหันไปแต่เอาของซ่อนไว้ข้างหลัง
       “อ้าวคุณอรวิลาส! เรียกผมเหรอครับ”
       “แถวนี้มันมีคนอื่นให้เรียกมั๊ยล่ะ” อรวิลาสมองไปที่ถุงของด้านหลังของปองเทพ “นั่นอะไร”
       ปองเทพทำไขสือ “อะไรครับ?”
       “ของที่อยู่ข้างหลังนาย”
       “อ่า..ของใช้ส่วนตัวของผม”
       “ฉันให้ตอบเจาะจง ไม่ใช่ให้ตอบกว้างๆ” อรวิลาสว่า
        “อยากรู้จริงเหรอครับ” ปองเทพถาม อรวิลาสถลึงตาใส่ “บอกก็ได้ แหม.แค่นี้ก็ต้องทำหน้าดุหยั่งกับมะ” ปองเทพยั้งปาก อรวิลาสกัดปาก “เอ๊ย..! ของในถุงนี้ก็คือกนน. กางเกงใน” อรวิลาสชะงัก “คุณอรอยากดูมั๊ย ผมจะเอาออกมาให้ดู มีหลายแบบเลยนะครับ ทั้งแบบจีสตริง สปอร์ต...”
       อรวิลาสรีบขัด “อ๊ายย!! ไม่ต้อง!! จะไปไหนก็ไปเลยไป!!”
       
       ปองเทพรีบหันหลังเดินออกไปแล้วก็พ่นลมหายใจด้วยความโล่งอก อรวิลาสฉุนจัด



       ปองเทพเอาอูกราแตงมาให้เอมิกาในครัว
       
       “รีบเอามาวางบนถาดเร็ว!!” เอมิกาสั่ง
       ปองเทพกับเอมิกาช่วยกันเอาอูกราแตงออกจากถุงมาวางบนถาด อูกราแตงอยู่ในชามฟลอย
       
       เอมิกาเดินถือถาดออกมากับปองเทพ ปองเทพมีสีหน้าเป็นห่วงเอมิกามาก เขาจับแขนเอมิกาเอาไว้
       “เอม...เราช่วยเอมถือออกไปดีกว่า” ปองเทพบอก
       “ป่องออกไปไม่ได้นะ อีตาคุณตั้มยิ่งจับผิดเราอยู่ ถ้าเค้าเห็นป่องอยู่กับเรา มีหวังตามรังควานเราไม่เลิก”
       ปองเทพปล่อยมือจากแขนเอมิกา ทันใดนั้นเสียงแป๊ะก็ดังขึ้น
       “ทำอะไรกัน!!”
        เอมิกากับปองเทพหันไปเห็นแป๊ะก็ตกใจ ทั้งสองรีบผละออกจากกัน แป๊ะเดินมาขวางตรงกลางระหว่างปองเทพกับเอมิกาด้วยสีหน้าหวงปองเทพก่อนจะปรายตามองเอมิกาอย่างไม่พอใจ
       “ผมมาช่วยชะเอมน่ะครับคุณแป๊ะ” ปองเทพบอก
        “มือเท้าก็มี..จะต้องช่วยอะไร” แป๊ะว่า เอมิกาสะดุ้งเล็กๆ “แล้วอีกอย่างมันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ กลับบ้านไปได้แล้วป่อง”
        ปองเทพละล้าละลัง แป๊ะตีก้นปองเทพหนึ่งทีดังเพี๊ยะ! ปองเทพกับเอมิกาถึงกับสะดุ้ง
       “ไปสิ!”
        ปองเทพหันไปมองเอมิกาอีกครั้งแล้วก็รีบเดินออกไป แป๊ะเดินเฉียดไหล่เอมิกาพร้อมค้อนตาแทบกลับก่อนจะเดินออกไป เอมิกาแทบจะทำถาดร่วง เธอหันไปมองแป๊ะด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ
       “เป็นอะไรของเค้า?”
       เอมิกาส่ายหัวด้วยความงง
       
       อรวิลาสเดินมาหาวเรศ
        “พี่ตั้มขา” อรวิลาสเรียก วเรศหันไปเห็นอรวิลาสมาแบบจัดเต็มก็ผงะไปเล็กน้อย “ทำไมพี่ตั้มมองอรแบบนี้ล่ะคะ หรือว่าอรสวยมากจนพี่ตั้มตะลึง”
        อรวิลาสทำหน้าแบ๊ว วเรศอึกอักเพราะพูดไม่ถูก พลันเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้นเหมือนระฆังช่วยชีวิต
        วเรศรีบหยิบมือถือมากดรับ “สวัสดีครับ ถึงแล้วเหรอครับ” วเรศพูดกับอรวิลาส “ทีมงานหนังสือมาถึงแล้ว พี่ขอตัวออกไปรับเค้าก่อน”
        วเรศเดินออกไป อรวิลาสหงุดหงิดและหัวเสีย เธอรีบเดินไปหาชื่นฤทัยที่กำลังเทสไมค์อยู่บนเวทีทันที
       “ฮัลโหล..เทสเทส...”
       “คุณแม่” อรวิลาสเรียก ชื่นฤทัยหันมา “พี่ตั้มไม่สนใจอรเลย อรอุตส่าห์ตื่นมาแต่งหน้าแต่งตัวตั้งแต่ตีห้า”
       “อย่าหน้าหงิกหน้างอ เดี๋ยวจะหน้าเหี่ยวนะลูกนะ” ชื่นฤทัยบอก
       “ปล่อยให้มันเหี่ยวไปเลยค่ะ อรชักจะหมดความอดทนแล้วนะคะคุณแม่”
        ชื่นฤทัยจับไหล่อรวิลาสทั้งสองข้าง “ลูกห้ามหมดความอดทนเด็ดขาด!! ตาตั้มเป็นผู้ชายที่เหมาะสมกับลูกมากที่สุด ทั้งฐานะ ชาติตระกูล และการศึกษา ลูกต้องพยายามทำให้ตาตั้มหันมาชอบลูกให้ได้”
        “แต่อรคิดอะไรไม่ออกแล้วว่าจะทำยังไง งัดทุกเล่มเกวียนออกมาใช้ พี่ตั้มก็นิ่งหยั่งกะหิน ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดใดกับอรซักนิด”
        ชื่นฤทัยคิดเล็กน้อย “แม่จะจัดการเรื่องนี้ให้เอง ขอให้ผ่านงานวันนี้ไปก่อน” ชื่นฤทัยหันมาเทสเสียงกับไมค์ต่อ “เทส วันทรูทรี ฮัลโหลๆ”
        อรวิลาสถอนหายใจเฮือกใหญ่
       
        อรทัยกับอเนกเดินมาหาชื่นฤทัย พีรพล อรวิลาส และแป๊ะ โดยมีคนใช้แก่ๆเดินถือถาดคุกกี้ตามมา 2 คน
       “น้องเอาคุกกี้มาให้ค่ะ เผื่อพี่ชื่นเอาไว้รับแขก” อรทัยบอก
       “ขอบใจจ๊ะ” ชื่นฤทัยกล่าว
       อรทัยหันไปทางพวกยายๆ “ยายแจ่ม ยายปี..เอาคุกกี้ไปวาง อย่าทำหกล่ะ”
       ยายแจ่มกับยายปีค่อยๆ เอาถาดคุกกี้ไปวาง ชื่นฤทัยมองอย่างปลงๆ
       “ความจริงน้องน่าจะปลดเกษียณยายแจ่มกับยายปีได้แล้ว” ชื่นฤทัยบอก
       “คุณพี่พูดถูก ดูสิดู๊ดูดูดูดู...หายใจยังไม่ค่อยจะทันเล้ย” แป๊ะรีบเสริม
       พวกยายหอบ
        “ปลดเกษียณไม่ได้หรอกค่ะ เพราะถ้าขืนน้องจ้างคนใช้สาวๆ จะมีหมาแถวนี้” อรทัยเหล่อเนก อเนกสะดุ้ง “มันเข้าไปหยอก”
        อเนกพูดไม่ออก ระหว่างนั้นวเรศก็เดินนำทีมคนทำนิตยสารมาหา
       “ทีมงานหนังสือฮาโหลมาแล้วครับ”
       ทีมงานนิตยสารยกมือไหว้
       ชื่นฤทัยรับไหว้ “สวัสดีค่ะน้องๆทุกคน”
       ทีมงานคนหนึ่งหันไปทางอรทัย “สวัสดีครับ นี่คงจะเป็นพี่สาวคุณชื่น?”
        อรทัยแทบเดือด ชื่นฤทัยเหวอ อรวิลาส อเนก วเรศ พีรพล อรวิลาสอึ้ง ส่วนแป๊ะแอบหันไปขำ ชื่นฤทัยรีบปฏิเสธ
       “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่ นี่อรทัยน้องสาวเดี๊ยน”
        ทีมงานหน้าแตก ไม่นานเอมิกาก็เดินออกมาพร้อมถาดอูกราแตง เอมิกามีสีหน้าภาคภูมิใจมาก ทุกคนมองด้วยความตกตะลึงโดยเฉพาะวเรศ อเนกมองเอมิกาแล้วยิ้มกรุ่มกริ่ม อรทัยปรายตามองด้วยความโมโหหึงแต่พยายามอดกลั้นไม่แสดงออก
       “หน้าตาดูดี มีรสนิยม ไฮโซเหมาะกับคนอย่างฉัน เธอทำดีมากชะเอม” ชื่นฤทัยชม
       เอมิการีบยกมือไหว้ “ขอบคุณค่ะ”
       เอมิกาหันไปมองวเรศแล้วยิ้มยืด วเรศหรี่ตาอย่างไม่ค่อยเชื่อว่าเอมิกาจะทำเอง
บรรจงอิจฉา นากเหล่บรรจงแล้วก็ยิ้มที่มุมปากด้วยความสะใจ
       
       “น้องชะเอมนี่ฝีมือ เค้าถึงว่าคนเก่งจริงไม่พูด แต่ไอ้พวกที่ไม่เก่งชอบอวดฉลาด ทั้งๆที่โง่!!” นากแขวะ
       บรรจงหันไปมองนากอย่างไม่พอใจ แล้วนากก็เดินออกไป บรรจงหันไปพูดกับสมพิศ
       “ชื่นชมมันกันเข้าไป ซักวันฉันกับป้าต้องกลายเป็นหมาหัวเน่า”
       “อ้าวนังนี่! ทำไมต้องเอาข้าไปเกี่ยวด้วย เอ็งเน่าไปคนเดียวเถอะ” สมพิศสวน
       แล้วสมพิศก็เดินออกไป บรรจงแค้นใจสุดๆ
       
       ชื่นฤทัยบอกกับทีมงานทำนิตยสาร “เชิญน้องๆทุกคน ทานได้เลยนะคะ”
       “ก่อนที่จะทานกัน มีใครอยากรู้เหมือนผมมั๊ยครับว่าอูกราแตงเค้าทำกันยังไง?” วเรศขัดขึ้น
       เอมิกาหน้าเหวอ แต่วเรศอมยิ้มนิดๆ
       “เออ..อาก็อยากรู้ ว่าเค๊าทำกันยังไง” ชื่นฤทัยหันไปทางเอมิกา “ชะเอมอธิบายขั้นตอนการทำมาสิ”
        เอมิกาอึ้ง เธอได้แต่กลืนน้ำลายเอื๊อกในขณะที่ทุกคนจับตามอง เธอหันไปเจอสายตาจ้องจับผิดของวเรศแล้วก็ยิ่งเครียด แล้วเอมิกาก็ตัดสินใจแกล้งทำเป็นกุมท้อง
       “โอ๊ย!!” ทุกคนตกใจ
       “เธอเป็นอะไร?!” อรวิลาสถาม
       “เอมปวดท้องค่ะ โอ๊ะ! ไม่ไหวแล้ว”
       แป๊ะทำหน้ารังเกียจ “รีบไปห้องน้ำเลยไป อย่ามาเรี่ยราดแถวนี้!!”
       เอมิกาทำเป็นยืนหนีบขาแล้วเงยหน้ายกมือไหว้
       “ขอโทษนะคะ”
       อเนกมองตามด้วยแววตาชื่นชม
       อเนกพึมพำกับตัวเอง “ขนาดปวดอึ๊ก็ยังสวย จุ๊บจุ๊บ”
       เอมิการีบวิ่งออกไป ชื่นฤทัยหันไปทางทีมหนังสือ
       “ขอโทษนะคะน้องๆทุกคน เชิญทานกันเลยค่ะ มาค่ะมา..”
       วเรศยังคงมองเอมิกาด้วยความไม่เชื่อ
       
       จุ่นมีสีหน้าไม่สบายใจหลังจากคุยกับหนูอ้อย
       “ทำอย่างนี้จะดีเหรอครับคุณหนู คือ…พี่จุ่นไม่อยากทำเลย”
        “แน่ใจนะว่าไม่ทำ” หนูอ้อยถาม จุ่นพยักหน้า “ดีล่ะ งั้นหนูอ้อยจะบอกพี่จงว่าพี่จุ่นมีกิ๊กเป็นแม่ค้าส้มตำหน้าปากซอย”
       จุ่นผงะ “ค่ะค่ะ..คุณ..คุณหนูเห็น!!”
       “เห็นชัดๆเลยล่ะ ตำส้มตำกันไป ก็ป้อนกันไป”
       หนูอ้อยกอดอกแบบถือไพ่เหนือกว่า แต่จุ่นเครียดสุดๆ
       
        แป๊ะ อรทัย และอเนกนั่งจิบน้ำชาและขนมด้วยกัน ทุกคนหันไปมองพีรพล ชื่นฤทัยกับอรวิลาสที่กำลังให้สัมภาษณ์นิตยสารอยู่ แป๊ะเบ้หน้ามองพี่สาวด้วยความหมั่นไส้
        “พี่ชื่นเค้าไม่ได้เลิฟอะไรพวกเรามากนักหรอก เค้าแค่ให้เรามาเป็นพร็อพประกอบฉาก ทำให้เค้าดูดีขึ้นมาก็เท่านั้น” แป๊ะว่า
        อรทัยมองชื่นฤทัยด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
        “ใครๆก็บอกว่าฉันเป็นพี่สาวพี่ชื่น ใช่สิ ฉันมันอ้วน ทั้งตัวมีแต่เซลลูไลท์ ฉันมันแก่มากใช่มั๊ย!” อรทัยหันไปทางอเนก
        อเนกเผลอตอบตามที่คิด “ใช่” อรทัยผงะ “เอ๊ย ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คุณยังสวยในสายตาผมเสมอแม่กระรอกน้อยๆของผม” อเนกเกาคางอรทัย
       อรทัยปัดมืออเนกออก “ไม่ต้องมาพูดเอาใจ!! ฉันรู้ตัวดีว่าฉันเยินมากขนาดไหน”
       อรทัยเอาคว้าแก้วไวน์บนโต๊ะมาดื่มแก้กลุ้ม อเนกรีบห้าม
       “คุณอรทัย…อย่าดื่มเลยนะ!!”
       อรทัยผลักอเนกอย่างแรงจนเขาตกเก้าอี้
       “ไม่ต้องมายุ่ง!”
       อรทัยดื่มไม่หยุด อเนกเห็นถึงลางร้ายที่จะตามมา
       
       ชื่นฤทัยยืนยิ้มอย่างมีความสุขอยู่บนเวทีตรงหน้าทุกคน
       “ดิฉันจะร้องเพลงเพื่อเป็นการต้อนรับทีมงานทุกท่าน ขอเชิญรับฟังได้แล้วค่ะ” เสียงเพลงดังขึ้น ชื่นฤทัยร้องเพลง สมพิศ นาก บรรจง ปรบมือให้กำลังใจชื่นฤทัย
       พีรพล วเรศ และอรวิลาสปรบมือด้วยความตั้งใจ แป๊ะกับอเนกปรบมือไปงั้นๆ ส่วนอรทัยหน้าแดงเริ่มกึ่มจ้องชื่นฤทัยไม่วางตา ระหว่างนั้นจุ่นก็เดินเข้ามาสมทบกับสมพิศ เอมิกา บรรจง และนาก
       “พี่จุ่นหายไปไหนมา?” บรรจงถาม
       “ไปเอารังมะ” จุ่นจะพูดแต่นึกขึ้นได้ว่าไม่ควรพูด “ไปเอารังนกบนต้นไม้ลงมา”
       บรรจงหันไปปรบมือต่ออย่างไม่ติดใจอะไร ส่วนจุ่นเหงื่อแตกพลั่ก
       
        เอมิกาดื่มน้ำอักๆ จนหมดแก้ว ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอก
       “เฮ่ออออ..เกือบไปแล้วเรา”
        เอมิกาเหลือบไปเห็นถุงร้านที่เอาอูกราแตงมาส่งวางอยู่บนโต๊ะก็ตกใจ วเรศเดินมาตามทาง เอมิการีบขยำถุงจะทิ้ง แต่ก็ไม่ทันเพราะเสียงวเรศดังขึ้นก่อน
       “ชะเอม!”
       เอมิกาตกใจ เธอหันขวับไปเห็นวเรศเดินเข้ามาจึงรีบเอาถุงซ่อนไว้ข้างหลัง
       “คุณตั้ม!! เข้ามาในครัวทำไมคะ”
       “ก็เข้ามาดูว่าเธอเป็นยังไงบ้าง” วเรศบอก
       “ฉันหายดีแล้ว ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วง คุณออกไปเถอะ”
       วเรศเห็นอะไรบางอย่างข้างหลังเอมิกา
       “ซ่อนอะไรเอาไว้ข้างหลัง”
       เอมิกาหน้าถอดสี “ขยะ”
       วเรศมองเอมิกาด้วยความสงสัย
        “ขยะจริงเหรอ?” วเรศถามย้ำ เอมิกาพยักหน้า “แต่ท่าทางเธอแปลกๆ เหมือนปิดบังอะไรฉันอยู่” วเรศจ้องเขม็ง
       เอมิกาหน้าซีดรีบตอบด้วยความลนลาน “เปล่าเลยค่ะเปล่าเลย”
       “ฉันขอดูหน่อย”
       “โอ๊ย! อย่าเลยค่ะ มันสกปรก”
       “แต่ฉันอยากดู”
        วเรศขยับเข้ามา เอมิกาถอยเพราะไม่ยอม วเรศพุ่งเข้ามาจะคว้าถุง เอมิกาเบี่ยงตัวหลบแต่กลับเสียหลักจะล้ม
       “ว๊าย!”
       วเรศรีบจับแขนเอมิกาแล้วดึงเข้ามาทำให้ทั้วสองตัวชิดกัน เอมิกากับวเรศชะงักแล้วจ้องหน้ากัน



       หนูอ้อยโผล่หน้าออกมาจากหลังต้นไม้ เธอมองไปที่อรวิลาสด้วยหน้าร้ายๆ หนูอ้อยดูถุงใส่รังมดแดงในมือแล้วยิ้มมุมปาก
       
        อรทัยสุดทนลุกพรวดขึ้นมายืนปรบมือ
       “พี่ชื่นสุดยอด!! ยอดแย่ย” อรทัยคว่ำนิ้วโป้งลง “ฮ่าๆๆๆ”
       ชื่นฤทัยกับคนอื่นๆ อึ้ง อเนกรีบดึงอรทัยให้นั่ง ทีมหนังสือรีบเอากล้องมาถ่ายรูป
       “คุณอรทัย..อย่า!” อเนกปราม
       อรทัยผลักอเนกให้พ้นทางแล้วเดินมาตรงหน้าเวที
       “เสียงหยั่งกับควายคลอดลูก ร้องอยู่ได้” อรทัยว่า
        ชื่นฤทัยยังพยายามร้องต่อไปตามหลักเดอะโชว์มัสโกออน พีรพลกับอรวิลาสแปลกใจมาก แป๊ะลอบยิ้มอย่างสะใจ
       อรวิลาสพูดกับพีรพล “คุณน้าอรทัยแกเป็นอะไร?”
       อรทัยโห่ต่อ “โห่หหหห! ไม่เอา..ไม่อยากฟัง บราบราบราบรา” อรทัยร้องแข่งกับชื่นฤทัย
        อเนกรีบออกมาดึงอรทัยแต่สู้แรงไม่ไหวจึงโดนผลักกระเด็น พีรพลเห็นท่าไม่ดีก็รีบเข้าไปช่วย เขาจับตัวอรทัยจะลากออกไป ชื่นฤทัยก็ยังคงร้องต่อไป อเนกเข้ามาช่วยดึงอรทัยอีกแรง
       “ปล่อย...! ปล่อยช๊านน..ปล่อย...ปล่อยยย!!” อรทัยดิ้น
        พีรพลกับอเนกสู้แรงไม่ไหว อรทัยสะบัดตัวจนทั้งสองคนกระเด็นล้มไปบนพื้น อรวิลาสหันไปสั่งพวกคนใช้
       “เข้าไปพาคุณน้าอรทัยออกมา!”
        สมพิศกับนากรีบเข้าไปคว้าตัวอรทัยแล้วพยายามจะลากออกมา บรรจงอึ้งๆ จุ่นเองก็ระแวงจึงหันไปมองหาหนูอ้อย อรทัยโวยวาย
       “จับฉันทำไม?!! ปล่อย..ปล่อย!!!”
        สมพิศกับนากพยายามจะดึงอรทัยแต่ก็ทุลักทุเลมาก จุ่นเห็นหนูอ้อยเดินออกมาก็หน้าซีดเผือดแล้วพยายามจะหนีออกไป แต่บรรจงหันไปเห็น
       “พี่จุ่นจะไปไหน?!”
        จุ่นผงะและพูดไม่ออก หนูอ้อยเดินมาสะกิดอรวิลาสจากทางข้างหลัง อรวิลาสหันไปเห็นหนูอ้อยก็แปลกใจ
       หนูอ้อยพูดกับอรวิลาส “พี่อรยื่นมือมาสิคะ หนูอ้อยมีอะไรจะให้พี่อรค่ะ”
        อรวิลาสระแวง เธอส่ายหัวและไม่ยอมยื่นมือออกไป หนูอ้อยดึงมืออรวิลาสออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวแล้วเทรังมดแดงใส่มืออรวิลาส อรวิลาสตกใจจนตาเหลือก
       
        วเรศกับเอมิกายังคงมองหน้ากัน ปองเทพเดินเข้ามาเห็นทางด้านหลังก็เลือดขึ้นหน้า เขาถลกแขนเสื้อแล้วเข้ามากระชากไหล่วเรศ
       “แกจะทำอะไรเอม!”
       วเรศหันไป ปองเทพเงื้อหมัด วเรศก็ตกใจ ปองเทพชะงักงัน เอมิการีบเข้ามาจับแขนปองเทพ
       “หยุด! ป่อง!”
        วเรศตกใจ ปองเทพผงะ เอมิกามองปองเทพด้วยสายตาดุ ปองเทพรู้ตัวจึงรีบปล่อย วเรศขยับเสื้อแล้วก็มองเอมิกากับปองเทพสลับกันไปมา
       “ไหนบอกไม่รู้จักกัน”
       “ก็...รู้จักกันที่นี่ไม่ได้เหรอ?” เอมิกาบอก
       เอมิกาส่งซิกให้ปองเทพ ปองเทพรีบพยักหน้า
       “ใช่ใช่ เรารู้จักกันที่นี่” ปองเทพบอก
       วเรศมองอย่างไม่เชื่อ เอมิกากับปองเทพเหล่มองหน้ากัน ทันใดนั้นเสียงอรวิลาสก็ดังขึ้น
       “อ๊ายยยยยย!!!”
       วเรศ เอมิกา และปองเทพหันขวับไปด้วยหน้าตาตื่นตะลึง
       
        อรวิลาสมองรังมดแดงในมือแล้วก็กรี๊ดลั่น ทุกคนชะงักค้างท่าไหนท่านั้น จุ่นตบหัวตัวเองพลางคิดว่า ”ซวยแล้ว” บรรจงตกใจ สมพิศกับนากปล่อยตัวอรทัย อรทัยเมาหลับพับไปบนพื้น พีรพลกับอเนกยืนมองด้วยความตกใจ อรวิลาสได้สติจึงโยนรังมดแดงลอยไปตกใส่หัวแป๊ะ แป๊ะตาเหลือก
       “แอร๊ยยยย!” แป๊ะสาวแตกกระโดดขึ้นไปบนเก้าอี้
       แป๊ะสะบัดหัวจนรังมดแดงลอยไปหาสมพิศ สมพิศรับหมับโดยอัตโนมัติแล้วก็ตกใจ
       “อ๊าย!” สมพิศโยนต่อให้นาก
       นากรับมา “เฮ้ย!” นากโยนต่อให้บรรจง
       บรรจงรับมา “ว๊าย!” บรรจงโยนต่อให้จุ่น
       จุ่นรับหมับโดยอัตโนมัติแล้วก็ตกใจ
       “เวยยยย!”
        จุ่นรีบโยนรังมดแดงไปตกลงที่ตัวทีมงานหนังสือ ความโกลาหลปั่นป่วนเกิดขึ้นไปทั่ว ชื่นฤทัยเห็นภาพตรงหน้าก็ลมแทบจับ แต่ก็ยังคงไม่หยุดร้องเพลง ทุกคนวิ่งปัดตัวกันไปมาทั่วเพราะคัน อรวิลาสวิ่งไล่หนูอ้อย สมพิศ บรรจง จุ่น และนากคันไปทั้งตัว
        แป๊ะกระโดดไปมาบนเก้าอี้แล้วก็เกาตัวไปด้วย วเรศ เอมิกา และปองเทพวิ่งออกมาเห็นภาพตรงหน้าก็ตกใจมาก ชื่นฤทัยร้องคำสุดท้ายซึ่งต้องขึ้นเสียงสูงมาก
       ชื่นฤทัยร้องเสียงแหลมปรี๊ด “ฮ๊า...า..า..า..า...า”
       แก้วชาแตกดังเพล้ง เพลงจบพอดี ทุกคนชะงัก 
       
       สมพิศ นาก บรรจง c]tจุ่นปะแป้งเย็นตามหน้าตามแขนเพราะมดกัด ทุกคนเกาไม่หยุด เอมิกากำลังล้างจาน
       นากชันเข่าขึ้นมาพลางเกาไปด้วย “น่าสงสารคุณชื่น แกหวังกับงานนี้ไว้มาก สุดท้ายเละ!!”
       บรรจงหยิกแขนจุ่น “เพราะแกคนเดียวไอ้พี่จุ่น!!”
       “พี่จุ่นเจ็บนะน้องจง” จุ่นว่า สมพิศเขกหัวจุ่น “โอ๊ยป้า!! ฉันบอกว่าเจ็บไง”
       “เจ็บสิดี จะได้จำ แล้วก็ไม่ทำแบบนี้อีก”
       “ฉันจะไม่ทำได้ไง ก็คุณหนูอ้อยขู่ว่าจะฟ้อง...” จุ่นนึกได้ก็หยุดพูด
       บรรจงหรี่ตาด้วยความสงสัย “ฟ้องอะไร?”
       “อ่า..ฟ้อง..ฟ้องคุณชื่น พี่จุ่นก็กลัวอ่ะเดะ”
        ทุกคนเซ็งไปตามๆกัน เอมิกาสีหน้าครุ่นคิดแล้วก็นึกอะไรออก เธอหันมาเห็นกระปุกชาก็รีบเปิดดูแล้วก็ยิ้ม
       “ยังมีชาอยู่” เอมิกาบอก
       เอมิกาจัดการชงชา สมพิศ นาก จุ่น และบรรจงหันไปมองเอมิกาอย่างไม่เข้าใจ
       “นังชะเอม คนกำลังเครียด ยังกระแดะมายืนชงชา” สมพิศว่า
       “พวกหัวสูงก็งี้แหละป้า” บรรจงเสริม
       เอมิกาไม่สนใจ เธอชงชาจนเสร็จแล้วรินใส่แก้ว นากมองด้วยความแปลกใจ
       “ฉันจะเอาชาไปให้คุณชื่น” เอมิกาบอก
       “จะดีเหรอฮะน้องชะเอม คุณชื่นกำลังเครียดอยู่” นากท้วง
       เอมิกายิ้มแบบไม่กลัวแล้วก็เดินออกไป ทั้งสี่คนมองด้วยความแปลกใจ
       “แบบนี้เค้าเรียกว่าชะเลีย ปล่อยมันไป จะได้โดน!”
       
       บรรจงยิ้มสะใจแล้วก็เกาต่อ



       ชื่นฤทัยนั่งทอดสายตาอย่างผิดหวัง สักพักเอมิกาก็ยกชาเข้ามาเสิร์ฟ
       
       “เอมเอาชาร้อนมาให้คุณชื่นค่ะ” เอมิกาบอก ชื่นฤทัยหันไป “เห็นว่าคุณชื่นยังไม่ได้ทานอะไรเลย”
        ชื่นฤทัยลุกพรวดขึ้นมายืนโวยวายด้วยความโมโห “ตอนนี้ฉันทานอะไรไม่ลงทั้งนั้น!” เอมิกาสะดุ้ง “ทุกอย่างพังพินาศย่อยยับ ภาพลักษณ์ที่ฉันสร้างมาป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดี หมดสิ้นแล้วทุกสิ่งหมดสิ้นแล้วทุกอย่าง ไม่เหลือ..ไม่เหลืออะไรเลย”
       เอมิกาพยายามจะปลอบ “เออ...คุณชื่น..”
        ชื่นฤทัยหันขวับ “ออกไปได้แล้ว แล้วก็เอาชาถ้วยนี้ออกไปด้วย เพราะมันทำให้ฉันนึกถึงเหตุการณ์เลวร้ายในวันนี้ ฮือๆ”
        ชื่นฤทัยนั่งลงร้องไห้ เอมิกามองด้วยความสงสารแต่ยังทำใจดีสู้เสือ
        “ชะเอมจะวางชาไว้ตรงนี้” เอมิกาบอก ชื่นฤทัยหันขวับไปอย่างไม่พอใจกำลังจะอ้าปากด่าแต่เอมิการีบพูดขึ้นมา “เชื่อชะเอมนะคะ..กลิ่นหอมๆของใบชา จะช่วยทำให้คุณชื่นสบายใจขึ้น”
        เอมิกาพูดจบก็เดินออกไป ชื่นฤทัยมองถ้วยชาอย่างงงๆ ควันลอยขึ้นมาทำให้ได้กลิ่น ชื่นฤทัยสูดเข้าไปเต็มปอดแล้วก็รู้สึกดีขึ้นมาจริงๆ
       
        เอมิกาเดินกลับเข้ามาในครัว นาก บรรจง สมพิศ และจุ่นกำลังเก็บครัว
       บรรจงหันไปมอง “ไง..โดนด่ามาใช่มั๊ย..ก็งี้แหละพวกสาระแน ทำเป็นสู่รู้ อวดเก่ง”
       เอมิกาไม่ตอบ นากรีบเข้ามาปลอบใจ
       “ไม่เป็นไรนะน้องชะเอม คุณชื่นแกเป็นคนโกรธง่ายหายเร็ว”
       เอมิกายิ้ม แล้วชื่นฤทัยก็เดินเข้ามา ทุกคนเห็นก็ตกใจ
        บรรจงกระซิบกับสมพิศและจุ่น “ตามมาด่าถึงในนี้แน่ๆ” บรรจงรีบหยิบมือถือออกมา “ช็อตเด็ดแบบนี้ต้องถ่ายเก็บไว้”
        บรรจงยกมือถือขึ้นมาเตรียมถ่าย ชื่นฤทัยเดินมาหาเอมิกา นากกางแขนปกป้องเต็มที่
        ชื่นฤทัยแปลกใจ “นาก..หลีก!” นากค่อยๆถอยออกไป “ชะเอม” เอมิกาลุ้น ชื่นฤทัยกล่าวออกมา “ขอบใจ”
        ทุกคนเหวอจนอ้าปากค้าง นากยิ้ม เอมิกาโล่งอก
       “ฉันรู้สึกดีขึ้นจริงๆ เอาชามาเพิ่มให้ชั้นด้วยนะ”
        ชื่นฤทัยพูดจบก็เดินออกไป เอมิกาหันไปยิ้มให้นาก บรรจงจ๋อย จุ่นยิ้มแฉ่ง บรรจงค้อนขวับทำให้จุ่นรีบก้มหน้า
       
       เอมิกาทิ้งตัวนั่งลงบนโถส้วมพลางคุยโทรศัพท์ไปด้วย
       “วันนี้ฉันเกือบเสร็จอีตาคุณตั้ม!!”
       นงลักษณ์ที่อยู่ที่กองถ่ายถึงกับสำลักน้ำพรวด
       “แกว่าไงนะ!! นี่แกกับหมอนั่น..”
       เอมิกาตกใจกับคำพูดของตัวเอง
        “เฮ้ย! ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉันหมายถึงฉันเอาตัวรอดจากการสอบสวนของคุณตั้มมาได้อย่างหวุดหวิด เล่นเอาหายใจไม่ทั่วท้องไปทั้งวัน”
        นงลักษณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่
        “แล้วไป ฉันนึกว่าไอ้ป่องจะต้องกินแห้วซะแล้วงานนี้” นงลักษณ์นึกขึ้นได้ “เออนี่ ว่าแต่แกได้โทรคุยกับไอ้ป่องบ้างป่ะ ล่าสุดที่มันมาหาฉัน มันเป็นห่วงแกมากจนฉันรำคาญ แล้วมันก็หายหัวไปเลย”
        เอมิกานั่งขัดสมาธิด้วยสีหน้าครุ่นคิด
       “แล้วป่องคุยไรกับแก”
       “ฉันเล่าเรื่องอีตาคุณตั้มของแกให้ฟัง แล้วก็ห้ามไม่ให้มันไปรบกวนแก ถ้าไม่อยากให้แกเดือดร้อน”
       “มิน่า...”
       “มิน่าอะไร?”
       “ตอนนี้ป่องมาเป็นคนใช้บ้านน้องชายคุณชื่นน่ะสิ”
       นงลักษณ์สำลักน้ำพรวดอีกครั้ง
       “ห๊ะ!!! ตายล่ะหว่า! เป็นเพราะฉันเหรอเนี่ย โธ่เอ๊ย ไม่น่าเลยจริงๆ แล้วแกจะไม่ซวยเพราะป่องเหรอ?”
       เอมิกาเครียด
       “อย่าพูดสิ ยิ่งเสียวๆอยู่ แต่ป่องรับปากฉันแล้วว่าจะไม่ทำให้ฉันเดือดร้อน”
       “ขอให้มันทำอย่างที่พูดแล้วกัน เพราะแค่อีตาคุณตั้มคนเดียวก็แย่มากพออยู่แล้ว”
       เอมิกาฟังแล้วก็ชักกังวลใจ
       
        วเรศคิดถึงพฤติกรรมของเอมิกาทั้งตอนที่ซื้อของในซุปเปอร์มาร์เก็ต ตอนที่ปิดประตูใส่หน้าเขาที่หน้าห้องครัว ตอนที่ปองเทพเข้ามาจะต่อยเขา
        วเรศลูบคางตัวเองด้วยสีหน้าครุ่นคิด
       “เธอดูไม่ธรรมดาเลยชะเอม”
       ระหว่างนั้นวิยะดาก็เดินเข้ามา วเรศหันไปหา
       “คุณแม่”
       วิยะดาเดินมาใกล้ๆ
       “แม่มีเรื่องจะคุยด้วย” วิยะดาบอก วเรศตั้งใจฟัง “แม่มาคิดๆดูแล้ว แม่ว่าแม่จะเลิกจับคู่ให้ตั้มซักที”
       วเรศยิ้มด้วยความดีใจ “คุณแม่ล้มเลิกก็ดีแล้วครับ เรื่องแบบนี้บังคับกันไม่ได้”
       “แล้วตอนนี้สนใจใครบ้างเหรอยัง?”
       “ไม่มีครับ งานเยอะขนาดนี้ จะเอาเวลาที่ไหนมาสนใจผู้หญิง”
        “ถึงแม่จะล้มเลิกไปแล้ว แต่ก็ใช่ว่าลูกจะไปคว้าผู้หญิงที่ไหนมาเป็นแฟนก็ได้ แม่ไม่ยอมนะ ผู้หญิงที่ลูกเลือกต้องมีหัวนอนปลายเท้า ชาติตระกูลต้องคู่ควรกัน เพราะอนาคตถ้าลูกลงเล่นการเมือง ก็ต้องได้คู่ครองที่เหมาะสมที่สุด”
       
        วเรศฟังแม่แล้วก็นิ่งไปเพราะไม่แน่ใจว่าจะหาผู้หญิงแบบนี้ได้รึเปล่า



       เช้าวันถัดมา ชื่นฤทัยหันมาทางอรวิลาสกับพีรพล
       
       “น้องอรเท่านั้นถึงจะเหมาะสมกับตาตั้มมากที่สุด” ชื่นฤทัยบอก
       พีรพลชะงัก อรวิลาสยิ้มด้วยความดีใจก่อนจะหันไปทางพีรพล
       “และคุณจะต้องช่วยลูกอร” ชื่นฤทัยบอก
       “ช่วย? ช่วยอะไรเหรอคุณ?” พีรพลงง
       “อ้าวววว..ก็ช่วยเป็นสะพานทอดให้ลูกอรเดินไปสู่หัวใจของตาตั้มไงคะคุณ” ชื่นฤทัยบอก
       “คุณจะให้ผมเป็นพ่อสื่อให้หนูอรกับตั้ม ?”
       “เออ..ฉลาดกับเค้าเหมือนกันนะเนี่ย นึกว่าต้องอธิบายถึงพรุ่งนี้เช้า”
       พีรพลหน้าจ๋อยๆ ที่โดนประชด อรวิลาสรีบเสริม
       “ถ้าคุณอาช่วยได้สำเร็จ ... .ไม่แน่นะคะ... อรอาจจะยอมรับคุณอาในฐานะพ่อมากขึ้นก็ได้” ชื่นฤทัยพยักหน้าสนับสนุน
       พีรพลอึ้งไป อรวิลาสใช้จุดอ่อนมาบังคับ
       พีรพลถอนใจเพราะคิดหนัก “เรื่องช่วยไม่มีปัญหาหรอก แต่ตั้มจะยอมรึเปล่า ผมไม่แน่ใจ ไม่มีใครบังคับเค้าได้”
       “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันมีวิธี”
       ชื่นฤทัยประกาศด้วยความมั่นใจ
       
       บรรจงยื่นตะกร้ามาตรงหน้าเอมิกา
       “ให้ฉันไปซื้อกับข้าว?” เอมิกาถาม
       “ยื่นตะกร้าให้แบบนี้ คงให้ไปเดินชอปปิ้งมั๊ง” บรรจงประชด เอมิกาไม่พอใจ “รายการของที่แกต้องซื้อมีทั้งของคุณชื่นและของคุณอร”
       กระดาษเขียนชื่อ”ชื่นฤทัย”กับ”อรวิลาส” อยู่ในตะกร้าพร้อมเงิน
       “รับไปสิ” บรรจงบอก
       เอมิการับตะกร้ามาถือแล้วหยิบกระดาษพร้อมเงินออกมาอ่านของที่ต้องซื้อ
       “ซื้อของตั้งเยอะให้เงินพันเดียวเนี่ยนะ?”
       “ไม่พอ ก็ออกไปก่อน รีบไปได้แล้ว จะได้กลับมาก่อนเย็น” บรรจงบอก
       บรรจงหันหลังเดินออกไปแล้วก็แอบหยิบเงินที่จิ๊กค่ากับข้าวขึ้นมาหอมอย่างชื่นใจ เอมิกาสุดเซ็งเพราะจำต้องเดินออกไป
       
       วเรศยื่นแฟ้มเอกสารให้ท่านรมต. ก่อนจะนั่งลงฝั่งตรงข้าม
       “โปรเจคสานต่อของโครงการท่องเที่ยว 4 ภาคครับ ส่วนเรื่องการจัดงานพืชสวนเมืองหนาวของโลก คุณอาพีกำลังช่วยหาข้อมูล ถ้ามีความคืบหน้าอะไร ผมจะรีบรายงานคุณลุงนะครับ”
       รมต.พยักหน้ารับฟังด้วยสีหน้าสนใจ
       “ขอบใจมาก”
       “ถ้างั้นผมขอตัว” วเรศบอก
       วเรศลุกขึ้นเดินออกไปจากห้อง พลันเสียงมือถือของเขาก็ดังขึ้น
       วเรศกดรับ “ครับคุณอาพี” วเรศชะงัก “มีธุระด่วน!! ให้ผมเข้าไปหาตอนนี้”
       
       วเรศนั่งอยู่กับชื่นฤทัย พีรพล และอรวิลาส
       “จริงๆก็ไม่ใช่เรื่องด่วนอะไร” พีรพลบอก
       ชื่นฤทัยแอบหยิกต้นขาพีรพลที่นั่งอยู่ข้างๆ พีรพลสะดุ้งโหยงแต่ไม่มีใครเห็น
       “เออ..แต่จะว่าไป มันก็ด่วน” พีรพลบอก วเรศเริ่มงง “คือ...น้องอรก็เรียนจบมาเกือบปี ระหว่างที่รอไปเรียนเมืองนอก อาอยากให้ตั้มช่วยหาโรงเรียนสอนภาษาอังกฤษให้น้องเรียน เพราะภาษาน้องยังไม่ดี”
       อรวิลาสยิ้มพร้อมทำหน้าแอ๊บ
       “อาก็ไม่อยากกวนตั้ม แต่เพราะอาไม่มีเวลาว่าง” พีรพลบอก
       วเรศอึกอัก ชื่นฤทัยรีบพูด
       “ใช่ !!! เพราะจริงๆ มันเป็นหน้าที่ของคุณพี .... แต่ตอนนี้คุณพีเร่งทำงานให้ตั้มอยู่ยังไงล่ะจ๊ะ เห็นวุ่นวายทั้งวัน จนแทบไม่มีเวลา กินไม่ได้กิน นอนไม่ได้นอน ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ดูสิ..ผอมไปตั้งเยอะ ไม่มีเวลาเป็นของตัวเองขยับตัวไปไหนก็ไม่ได้” ชื่นฤทัยยิ่งพูดก็ยิ่งทำให้วเรศรู้สึกผิด “ตั้มช่วยอาหน่อยนะ อาไม่รู้จะให้ใครช่วยแล้วจริงๆ”
       วเรศยังเงียบ เขาหันไปมองพีรพลที่ส่งสายตาขอความช่วยเหลือมาให้ วเรศมองอย่างจำยอม
       
       พีรพลกับวเรศเดินออกมาด้วยกันที่นอกตัวบ้าน
       “อาขอบใจมากที่ช่วยน้องอร” พีรพลกล่าว
       “ที่ผมรับปากว่าจะช่วย ผมไม่ได้ช่วยอร แต่ผมช่วยคุณ” วเรศบอก
       พีรพลหยุดเดิน ทำให้วเรศหยุดตาม แล้วทั้งคู่ก็หันมา
       “แล้วอีกอย่างแค่พาไปหาที่เรียน ไม่น่ามีอะไรมาก”
       พีรพลพูดไม่ออกเพราะรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่จบง่ายๆ
       พีรพลพูดฝืนๆ “ขอบใจมากนะ”
       
       สมพิศที่กำลังเช็ดจานอยู่หันมาทางวเรศที่ยืนอยู่
       “นังชะเอมไม่อยู่ค่ะ ออกไปตลาด คุณตั้มจะใช้อะไรมันเหรอคะ” สมพิศถามกลับ
       “เออ..ไม่ได้จะใช้อะไรหรอกครับ แค่อยากถามอะไรนิดหน่อย” วเรศบอก
       สมพิศทิ้งผ้ามาตรงหน้าวเรศแล้วทำหน้าตาอยากรู้ “อยากรู้อะไร ถามป้ามาก็ได้ค่ะ”
       วเรศผงะไปนิดๆ “ผมอยากรู้ว่าชะเอมเข้ามาเป็นคนใช้ที่นี่ได้ยังไง”
       “มาจากบริษัทจัดหางานของเฮียสุวิทย์ คุณตั้มถามทำไมคะ”
       วเรศพูดเนียนๆ “ที่บ้านผมอยากได้คนใช้เพิ่มน่ะครับ ป้าพอจะมีเบอร์เค้ารึเปล่า”
       “มีค่ะ” สมพิศหยิบมือถือออกมากดหา “เอ..ว่าเมมชื่อไว้แล้วนะ” สมพิศหาไม่เจอ “ไม่มีในมือถือ ป้าขอไปหาในห้องแป๊บนะคะ”
       วเรศยิ้มแล้วพยักหน้ารับ สมพิศเดินออกไป
       
       เอมิกาเดินดูโพยในกระดาษพร้อมกับซื้อของไปด้วย เธอเห็นว่ามีชื่อ “ชื่นฤทัย” แล้วก็ “อรวิลาส” เขียนอยู่ในโพย พลันเสียงมือถือเอมิกาดังขึ้น เอมิกาหยิบขึ้นมากดรับสาย
       “จ๊ะป้าพิศ” เอมิกาฟังแล้วตกใจร้องเสียงลั่นตลาด “ห๊ะ!!” คนทั้งตลาดหันมามอง เอมิการีบลดเสียง “คุณตั้มอยากได้เบอร์เฮียสุวิทย์”
       สมพิศคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนอน
       “เออ ข้าทำเบอร์เฮียแกหาย เอ็งเอาเบอร์มาให้ข้าที”
       เอมิกาหน้าซีดหนัก เธอลนลานมากๆ เพราะคิดว่าจะทำยังไงดี
       “นังชะเอม ฟังข้าอยู่รึเปล่า”
       “ฟังจ๊ะ เออ เบอร์มันอยู่ในโทรศัพท์ ป้าวางสายก่อนนะ เอมหาเจอแล้วจะโทรไปบอก”
       เอมิการีบวางสาย เธอมีสีหน้าแย่มากๆ
       
       “ตามเป็นสัมพเวสีเลยนะอีตาคุณตั้ม!!”
       
       เอมิกาบ่นอุบ
       

       

No comments:

Post a Comment