Tuesday, August 14, 2012

รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12 (4)


รักคุณเท่าฟ้า ตอนที่ 12 (ต่อ)
       กลางดึก ไตรตั้นนอนลืมตาแล้วก็พลิกตัวไปมา จินดาที่นอนอยู่ข้างๆ มอง
       “ตั้น นอนไม่หลับหรือลูก” จินดาถาม
       “ครับ”
       “คิดถึงแม่หรือ”
       “ครับ”
       “แม่เค้าไปเที่ยวกับเพื่อนอีกสองวันก็มาแล้ว”
       “คุณยายครับ เวลาหมอฉีดยาคุณยายเจ็บมั้ย”
       “เจ็บสิลูก”
       “แม่ก็ต้องเจ็บเหมือนกัน สงสารแม่จังเลย”
       “แม่เป็นอะไร” จินดาสงสัย
       “ไม่ได้เป็นอะไรครับ”
       “ไม่ได้เป็นอะไรแล้วฉีดยาทำไม”
       “น้าธีไม่ให้บอกคุณยายครับ”
       “ไม่ให้บอกว่าไง”
       “ไม่ให้บอกว่าแม่ไม่สบายเดี๋ยวคุณยายเป็นห่วง”
       จินดาอึ้ง
       “แล้วแม่อยู่ไหน” จินดาถามต่อ
       “อยู่โรงพยาบาล ที่เดียวกับคุณยายแหละครับ”
       จินดาใจหาย
       “ตั้นพูดจริงๆรึเปล่าลูก”
       “จริงครับ คุณยายครับตั้นคิดถึงแม่ ตั้นอยากไปนอนกับแม่”
       พูดจบไตรตั้นก็ร้องไห้ จินดาดึงตัวหลานเข้ามากอด
       “อย่าร้องลูก พรุ่งนี้ยายจะพาไปหาแม่ .. แดง นี่ลูกเป็นอะไรเนี่ย”
       จินดาพึมพัมกับตัวเองแล้วก็กอดหลานท่ามกลางความมืดมิด
     
       ธีระป้อนน้ำให้แดงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงในโรงพยาบาล
       “เอาอีกหน่อยมั้ยพี่แดง” ธีระถาม
       “พอแล้ว ขอบใจมากธี แล้วไตรตั้นล่ะ” แดงถามถึงลูกชาย
       “อยู่กับแม่ ไม่ต้องห่วง”
       “ธี ถ้าพี่เป็นอะไรไปฝากไตรตั้นด้วยนะ”
       “พี่แดง ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ พี่แดงต้องหายนะ”
       “พี่ชักไม่แน่ใจแล้ว” แดงบอก
       “ไม่ พี่แดงจะต้องหายเชื่อผมสิ”
       แดงมองน้องแล้วก็น้ำตาไหล กบเปิดประตูเข้ามา
       “แดง หมอบอกว่าพรุ่งนี้ก็กลับบ้านได้แล้ว” กบชะงักเมื่อเห็นว่าแดงร้องไห้ “แดงร้องไห้ทำไม”
       “ไม่มีอะไรพี่กบ แดงแค่คิดถึงลูก”
       “พรุ่งนี้เราก็ไปรับไตรตั้นกลับบ้านได้แล้ว” กบบอก
       แดงพยักหน้า ทันใดนั้นประตูห้องก็เปิดออก แล้วไตรตั้นก็วิ่งเข้ามา
       “แม่ครับ ..”
       ธีระหันไปมองด้วยความตกใจ
       “ไตรตั้น”
       “แม่ ตั้นคิดถึงแม่” ไตรตั้นบอก
       “นี่ลูกมากับใคร”
       จินดาก้าวเข้ามาพร้อมไม้เท้าสามขาช่วยเดิน
       ธีระตกใจ “แม่...”
       แดงกับกบมองแม่ด้วยความตกใจ
       จินดาเดินก้าวเข้ามามองแดงที่อยู่ในสภาพหัวโล้น แล้วจินดาก็อึ้งน้ำตาไหลริน
       “นี่ลูกเป็นอะไร” จินดาเดินเข้ามาหาลูกสาวที่เตียง “บอกแม่ซิลูกว่าลูกเป็นอะไร” แดงร้องไห้แล้วโผเข้ากอดแม่
       “แม่”
       จินดาเขย่าตัวแดง “ลูกเป็นอะไรแดง บอกแม่ซิลูก”
       “แดงเป็นเนื้องอกในสมองครับแม่” กบบอก
       “แล้วทำไมพวกแกไม่บอกชั้น” จินดาถาม
       “ผมขอโทษครับ เราแค่ไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ” ธีระบอก
       “แม่อย่าไปว่าพี่กบกับธีเลยนะ หนูเป็นคนบอกพวกเค้าเองว่าอย่าบอกแม่ หนูไม่อยากให้แม่กลุ้มใจ”
       “แต่แกเป็นลูกแม่นะ มันเป็นหน้าที่ของแม่ ที่จะต้องรู้ว่าลูกมีทุกข์ มีสุขยังไง”
       “ผมขอโทษครับแม่” กบพูด
       ธีระหน้าสลด
       “แล้วหมอว่าไง เค้าบอกจะมีทางรักษาหายใช่มั้ยลูก” จินดาถามต่อ
       “ค่ะ แต่มันต้องใช้เวลา” แดงบอก
       “ช่างมันเถอะลูก จะนานแค่ไหนก็ขอให้มันหาย ลูกต้องอดทนนะแดง แม่จะอยู่กับลูก ลูกของแม่จะต้องหาย”
       แดงน้ำตาไหลแล้วโผเข้ากอดแม่
       “ไม่ต้องห่วงครับแม่ พรุ่งนี้หมอก็ให้พี่แดงกลับบ้านแล้ว” ธีระบอก
       “ไชโย้ ตั้นดีใจจริงๆ แม่จะได้กลับบ้านแล้ว”
       ไตรตั้นกระโดดร้องด้วยความดีใจ ในขณะที่คนอื่นๆ พากันสลด
     
       จินดาแกะส้มส่งให้แดง
       “เอาอีกหน่อยมั้ยลูก”
       “ไม่แล้วค่ะแม่” แดงตอบ
     
       จินดาหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้แดง จากนั้นเธอก็ช่วยเปลี่ยนเสื้อให้ลูกสาว
     
       เวลาผ่านไป แดงนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้ จินดาขยับผ้าห่มให้ เธอมองลูกสาวแล้วก็ปาดน้ำตา
       “ขอให้คุณพระคุ้มครองลูกของแม่ด้วย ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายดลบันดาลให้ลูกของแม่ปลอดภัย ถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกขอให้แม่รับเคราะห์นั้นแทนลูกด้วยเถอะ”
       จินดาก้มลงจูบหน้าผากแดง แล้วก็ยืนมองด้วยน้ำตาที่ไหลริน จินดาหันมองออกไปนอกหน้าต่างห้องก็เห็นแสงสีส้มอ่อนๆ ทอประกายเข้ามา
     
       กบยืนเหม่ออยู่ในโรงพยาบาลเพราะคิดถึงเรื่องของแดง ธีระเดินเข้ามาถาม
       “กินข้าวกันมั้ยพี่กบ”
       “ไม่ล่ะ นายไปเถอะ” กบบอก
       “แต่ผมไม่เห็นพี่กบกินอะไรเลยนะตั้งแต่เที่ยง”
       “พี่ไม่หิว” กบบอก
       “มีอะไรรึเปล่าพี่กบ”
       “ถ้าพี่เล่าอะไรให้ฟัง สัญญาว่าจะไม่บอกแดงกับแม่นะ”
       ธีระรับคำ “ครับ”
       “เมื่อกี้พี่คุยกับหมอ หมอบอกว่าอาการของแดงไม่ดีขึ้น ให้คีโมไปแล้วมันยังไม่ได้ผลที่พอใจ”
       “มันคงต้องใช้เวลามั้งพี่กบ”
       “แต่พี่กลัวจังเลย พี่กลัวว่าหมอจะรักษาแดงไม่หาย”
       “ไม่น่ะพี่กบ ผมว่าต้องหาย”
       “นายก็รู้ คนที่เป็นโรคนี้เปอร์เซ็นต์ที่หายน้อยมาก ถ้าแดงเป็นอะไรไป ... พี่ไม่รู้จะอยู่ยังไง”
       พูดจบกบก็น้ำตาไหลพราก จินดาเดินเข้ามาด้านหลังแล้วเอ่ยขึ้น
       “แดงต้องไม่เป็นอะไร”
       ธีระกับกบหันไปมองแล้วก็ชะงัก จินดาเข้ามาจับแขนกบ
       “กบ แกฟังแม่นะ เมียแกต้องหาย แกจะอ่อนแอไม่ได้นะ แกยังมีไตรตั้นที่ต้องดูแล เราทุกคนต้องเข้มแข็ง”
       “ใช่ พี่กบ เราทุกคนต้องเป็นกำลังใจให้พี่แดงนะ” ธีระบอก
       “เชื่อแม่ แดงจะต้องหาย แดงจะไม่เป็นอะไร” จินดาย้ำ
       “ขอบคุณครับแม่” กบโผเข้าไปกอดจินดา ธีระยืนมองแล้วก็น้ำตาซึม
     
       ธีระเดินถือกาแฟกับแซนวิชเข้ามานั่งที่โต๊ะในร้านอาหารภายในโรงพยาบาล เขายกกาแฟขึ้นจิบแล้วก็นึกถึงเหตุการณ์ตอนที่แม่เข้ามาถามพี่สาวของเขาก่อนหน้านี้
       “บอกแม่ซิลูกว่าลูกเป็นอะไร”
       “แม่” แดงโผเข้ากอดแม่แล้วร้องไห้
       “ลูกเป็นอะไรบอกแม่ซิ”
     
       ธีระนึกถึงคำพูดที่แดงบอกกับเขา
       “ถ้าพี่เป็นอะไรไป ฝากไตรตั้นด้วยนะธี”
       “ทำไมพูดอย่างนี้ พี่แดงต้องหายนะ” ธีระย้ำ
       “พี่ชักไม่มั่นใจแล้ว”
     
       ธีระนึกถึงคำที่กบบอกกับเขาหลังจากนั้น
       “แต่พี่กลัวจังเลย พี่กลัวว่าหมอจะรักษาแดงไม่หาย”
       เมื่อนึกึงเหตุการณ์ต่างๆ ธีระก็อยากจะร้องไห้ เขาพยายามควบคุมตัวเองด้วยการถอนหายใจแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ
       หนูดีถือจานอาหารเดินเข้ามาในร้านแล้วก็ชะงัก เพราะเธอเห็นธีระนั่งเหม่ออยู่ลำพัง หนูดีเดินเข้าไปทัก
       “สวัสดีค่ะคุณธี”
       “อ้าว หนูดี ทานข้าวหรือ”
       “ค่ะ”
       “นั่งด้วยกันก็ได้นะ”
       “ขอบคุณค่ะ” หนูดีนั่งร่วมโต๊ะ “พาคุณป้ามาหาหมอหรือคะ”
       “เปล่าหรอก มาเยี่ยมพี่สาวน่ะ”
       “ที่เป็นเนื้องอกในสมองน่ะหรือคะ”
       ธีระพยักหน้าแล้วถาม “พอรู้มั้ยว่าโรคนี้มีโอกาสหายขาดรึเปล่า”
       “เท่าที่ฟังรุ่นพี่พยาบาลคุยกันถึงเคสพี่สาวคุณธีเค้าก็ว่ามีนะคะ”
       “โรคมะเร็งนี่ก็หายขาดได้เหมือนกันหรือ”
       “ค่ะ อย่างแม่หนูดี ก็เคยเป็นมะเร็งเต้านม ตอนนั้นหนูดียังเรียนมัธยมอยู่เลย แต่แม่ก็ยังอยู่มาได้ถึงทุกวันนี้นะคะ”
       ธีระเริ่มสนใจ “หรือ แล้วคุณแม่คุณรักษาที่ไหน”
       “ก็โรงพยาบาลรัฐนี่แหละค่ะ หนูดีว่าพี่สาวคุณธีก็น่าจะหายนะคะ เดี๋ยวนี้การรักษาและการให้ยาก็ดีกว่าแต่ก่อนเยอะ ยิ่งคุณธีมีสตางค์หนูดีว่าโอกาสที่จะหายก็มีสูงนะคะ”
       “จริงหรือ”
       “ค่ะ หนูดีว่าอยู่ที่กำลังใจของคนป่วยด้วย ตอนที่แม่หนูดีรู้ว่าเป็นมะเร็ง แม่เข้มแข็งมากแม่บอกว่าแม่จะตายไม่ได้ ท่านจะต้องอยู่จนหนูดีเรียนจบแล้วได้แต่งงาน”
       “แม่คุณคงรักและเป็นห่วงคุณมาก”
       “ค่ะ เรามีกันแค่สองคน”
       “แล้วคุณพ่อล่ะ” ธีระถาม
       “พ่อเสียตั้งแต่หนูดีสามสี่ขวบแล้วค่ะ” หนูดีบอก
       ธีระพยักหน้ารับรู้ ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของธีระก็ดังขึ้น “โทษนะ” ธีระพูดโทรศัพท์ “ฮัลโหล ...ได้ครับ เดี๋ยวเจอกัน ผมขอตัวก่อนนะ”
       “ค่ะ” หนูดีรับคำ ธีระลุกขึ้น หนูดีทักออกมา “เดี๋ยวค่ะคุณธี”
       “หือม์”
       “หนูดีอยากจะบอกว่าคุณป้าก็รักคุณธีไม่น้อยกว่าแม่หนูดีนะคะ”
       ธีระยิ้ม “ขอบใจ อ้อ แล้วก็ขอบใจอีกเรื่อง”
       “เรื่องอะไรคะ”
       “เรื่องของแม่คุณ ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย” ธีระบอก
       “อ๋อ ค่ะ” หนูดีรับคำ ธีระเดินออก หนูดีมองตามแล้วก็ยิ้มออกมา
     
       จินดากำลังต้มรากบัวกระดูกหมูอยู่ในครัวที่บ้าน เธอตักน้ำซุปขึ้นมาชิมแล้วหันไปหยิบขวดน้ำตาลบนชั้น ทันใดนั้นจินดาก็หน้ามืดคล้ายจะเป็นลม
       “โอ๊ย”
       จินดาปล่อยขวดน้ำตาลตกลงพื้นจนแตก จังหวะเดียวกับที่ช้อย ใหญ่และภาเดินเข้ามาพอดี
       “พี่จิน”
       “พี่จิน เป็นอะไร” ช้อยตกใจ
       “เปล่า จะหยิบขวดน้ำตาล แต่ตามันพร่า” จินดาบอก
       “มา มาชั้นเก็บเอง” พูดจบใหญ่ก็หันไปหยิบไม้กวาด
       “แล้วนี่ทำอะไร” ช้อยถาม
       “ต้มซุปรากบัวไปให้ลูก”
       “แหม ทำไมรักตาธีเหลือเกิน นี่ตัวเองไม่สบายยังจะทำกับข้าวให้ลูกกินอีก” ภาว่า
       “ไม่ใช่ธีหรอก จะทำไปให้แดง” จินดาบอก
       “นั่นยิ่งแล้วใหญ่ มันมีลูกมีผัวแล้วนะ ให้มันหากินเองเถอะ”
       “ใช่ เราก็ยิ่งไม่สบายอยู่ เกิดหัวใจวาย ตายขึ้นมาจะทำยังไง” ช้อยบอก
       “ตายสิดี ทุกวันนี้ก็ไม่อยากอยู่แล้ว” จินดาโพล่งออกมา
       “จะรีบหนีไปไหน อยู่ด่าพวกชั้นอีกซักพักนึงเถอะ” ภาว่า
       จินดาถอนใจ “เฮ้อ เห็นลูกเป็นอย่างนี้แล้วไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อหรอก”
       “ทำไม กัปตันได้เมียใหม่อีกแล้วหรือ” ใหญ่ถาม
       “ไม่ใช่ตาธี ยัยแดงไงเล่า” จินดาบอก
       “แดงตั้งท้องอีกคนแล้วหรือ” ช้อยถาม
       “นี่ ชั้นว่าพวกพี่ช้อยไม่ต้องมาปิดบังชั้นหรอก ชั้นรู้แล้วว่าแดงมันเป็นมะเร็ง” จินดาบอก
       ช้อย ภาและใหญ่มองหน้ากัน
       “แล้วรู้ได้ไง” ภาถาม
       “เมื่อวานชั้นไปเยี่ยมมัน ถึงได้กลับมาต้มรากบัวให้มัน” จินดาเล่า
       “พวกชั้นขอโทษนะพี่จิน ที่ไม่ได้บอกแต่แรก” ใหญ่พูด
       “ชั้นไม่ว่าพวกเธอหรอก” จินดาบอก
       “พูดแล้วก็สงสารแดงมันนะ ไม่น่ามารีบด่วนจากไปเลย” ช้อยพูด
       “พี่ช้อย ทำไมพูดอย่างงั้นแดงมันยังไม่ตายนะ” ภาว่า
       “ชั้นหมายถึงในไม่ช้า” ช้อยบอก
       “แต่พี่ช้อยก็ไม่ควรพูดอย่างนี้นะ” ใหญ่ค้าน
       “ก็มันจริงมั้ยล่ะ คนเป็นมะเร็งกี่รายที่รอด ชั้นเห็นตายทุกคน” ช้อยยืนยัน
       “จะว่าไปก็จริงของพี่ช้อยนะ พี่จินก็ต้องเตรียมใจไว้บ้าง จะได้ไม่เสียใจภายหลัง” ภาบอก
       “ถ้ามีอะไรทำให้ชั้นแลกชีวิตกับลูกได้ ชั้นก็ยอมนะ เพราะชั้นคงทนเห็นลูกตายไม่ได้” จินดาร้องไห้
       ใหญ่หันมาทำท่าตำหนิช้อยว่าไม่น่าพูด ช้อยหน้าเสีย ภารีบปลอบใจแม่จินดา
     
       แดงตักต้มรากบัวขึ้นมากิน จินดานั่งมองลูกสาวด้วยความห่วงใย ช้อย ภา
       และใหญ่นั่งอยู่ในห้องนั้นด้วย ธีระกับกบนั่งห่างออกไป โดยที่ธีระกำลังพูดโทรศัพท์กับหมอ
       “อร่อยมั้ยลูก” จินดาถาม
       “อร่อยมากค่ะแม่” แดงตอบ
       “นี่แม่ยังเหลืออีกครึ่งหม้ออยู่ในตู้เย็นนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะไปเยาวราชกับพวกป้าช้อย จะไปคุยกับซินแสว่ามีอะไรที่ต้มให้ลูกกินแล้วดีขึ้น”
       “ไม่ต้องหรอกแม่” แดงบอก
       “ไม่ต้องห่วงหรอกแดง พวกป้าจะดูแม่หนูอย่างดี พาแกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง” ใหญ่พูด
       “ใช่ อยู่แต่บ้านมันไม่แข็งแรง” ช้อยสนับสนุน
       กบกับธีระเดินเข้ามา
       “แดง ไปอาบน้ำแต่งตัวเถอะ ธีเค้านัดหมอที่เคยรักษาเพื่อนเค้าหายได้แล้ว” กบบอก
       “หมอคนนี้เค้าเก่งใช่มั้ยลูก จะช่วยพี่แดงได้ใช่มั้ย” จินดาถามลูกชาย
       “ต้องให้เค้าตรวจอาการก่อนครับแม่” ธีระบอก
       “งั้นหนูไปอาบน้ำก่อนนะ”
       “แม่ไปไหนครับ ตั้นไปด้วย”
       ไตรตั้นวิ่งตามแม่ไป ทุกคนมองตาม
       “กบทำถูกแล้ว อย่าไปยึดกับหมอคนเดียว ที่ไหนดี เราต้องลองให้หมด” ภาบอก
       “แต่ป้าไม่อยากเสนออีกทางเลือกนะ” ช้อยโพล่งออกมา
       “อะไรพี่ช้อย” จินดาถาม
       “ถ้าครั้งนี้ไม่หาย ชั้นอยากให้กินยาหม้อ นะพี่จิน” ช้อยบอก
       “เออใช่ ยาหม้อของหลวงปู่ที่เพชรบุรี เค้าก็ว่าดีนะ”
       “ยาอะไรก็ได้ ขอให้ลูกชั้นหายเถอะ” จินดาบอก
       กบกับธีระมองหน้ากันเพราะเป็นห่วงความรู้สึกของแม่
     
       หมอผู้หญิงนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับแดง กบและธีระ
       “ยาตัวใหม่ที่หมอจะให้” หมออธิบาย “หมอก็ไม่รับรองว่าจะหายร้อยเปอร์เซ็นต์นะคะ แต่เจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ของการทดลองมันก็ได้ผลดี แต่อาจจะมีผลข้างเคียงมากและราคาก็สูงมากด้วย”
       แดงมองหน้ากบ
       “เรื่องเงินผมไม่มีปัญหาครับ ขอให้ภรรยาผมหาย” กบพูด
       “ถ้างั้นก็เชิญค่ะ”
       หมอลุกเดินออกไป กบหันมาบอกแดง
       “ไม่ต้องกลัวนะแดง”
       “ขอให้พี่กบอยู่ข้างๆ แดงไม่กลัวหรอกค่ะ” แดงบอก
       แดงหันมามองหน้าธีระ ธีระยิ้มให้กำลังใจ แดงเดินตามหมอออกไป
       “อย่างน้อยเราก็มีหวังนะพี่กบ” ธีระพูด กบพยักหน้า
     
       แดงนอนอยู่ในห้องปฏิบัติการณ์ หมอฉีดยาให้
     
       กบเดินไปเดินมาหน้าห้องอย่างลุ้นๆ ธีระเดินเข้ามาส่งกาแฟให้
       “ขอบใจ” กบบอก
       กบรับกาแฟไปดื่มแล้วชะเง้อมองไปในห้อง ธีระก็มองเข้าไปเช่นกัน
     
       เวลาผ่านไป หมอเดินออกมาจากห้อง
       “เป็นไงครับหมอ” ธีระถาม
       “ทุกอย่างเรียบร้อยดีค่ะ คงต้องนอนพักฟื้น เพื่อดูอาการ”
       “ขอบคุณครับหมอ”
       หมอเดินไป ธีระกับกบหันมามองหน้าอย่างให้กำลังใจซึ่งกันและกัน
     
       วันใหม่ที่บ้านของจินดา หนูดีรินน้ำใส่แก้วแล้วเดินเข้ามาหาจินดา
       “คุณป้าขาทานยาค่ะ”
       “ขอบใจจ้ะ”
       “วัดความดันหน่อยนะคะ”
       “ได้ ได้” จินดาตอบ
       หนูดีวัดความดันให้จินดา จินดามองหนูดี หนูดียิ้มให้
       “แน่นไปมั้ยคะ” หนูดีถาม
       “ไม่จ้ะ หนูเป็นพยาบาลมากี่ปีแล้วลูก” จินดาถาม
       “ยังไม่ถึงปีเลยค่ะ”
       “แล้วทำไมถึงอยากเป็นพยาบาล”
       “ตอนหนูเด็กๆแม่หนูไม่สบายบ่อยๆ ไม่มีใครดูแลแม่ หนูก็เลยคิดว่าถ้าหนูโตขึ้น หนูได้เป็นพยาบาล เวลาแม่แก่หนูจะได้ดูแลแม่ได้”
       จินดายิ้ม “หนูนี่น่ารักจังนะ ถ้าชั้นเป็นแม่หนู ชั้นคงดีใจมากที่มีลูกกตัญญูแบบหนู”
       “แต่คุณป้าก็โชคดีนะคะเพราะคุณธีเค้าก็รักและเป็นห่วงคุณป้ามาก”
       “ใช่ ใครๆก็บอกว่าชั้นโชคดีที่มีลูกชายเป็นคนดี รักและห่วงใยดูแลแม่”
       หนูดีนิ่งฟัง จินดาพูดต่อ
       “สมัยเค้าเด็กๆนะเวลาชั้นไปทำผม เค้าต้องไปนั่งรออยู่กับชั้น ไปไหนไม่ได้ตามติดแม่ยังกะตังเม ส่วนพี่สาวเค้าก็เหมือนกัน รักแม่รักน้อง พอพ่อตายเค้าก็ดูแลน้องดูแลแม่มาตลอด” จินดาถอนใจ “เฮ้อ ไม่น่าโชคร้ายมาเป็นมะเร็งเลย”
       “คุณป้าไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ลูกคุณป้าเป็นคนดี หนูเชื่อว่าพระต้องคุ้มครองค่ะ”
       “ขอบใจนะลูก”
       จินดามองหน้าแล้วยิ้มให้หนูดี ธีระเดินเข้ามา
       “อ้าวธี พี่แดงเป็นไงบ้างลูก” จินดาถาม
       “เรียบร้อยดีครับ หมอให้นอนพักฟื้น” ธีระตอบ
       “แล้วหมอว่าไง”
       “คงต้องรอดูผลของยาครับแม่ ผมซื้อขนมจีบซาลาเปามาให้แม่ครับ เดี๋ยวผมใส่จานให้”
       ธีระเดินเข้าครัวไป
       “หนูดี วานไปช่วยพี่เค้าหน่อย” จินดาบอก
       “ค่ะ”
       หนูดีลุกเดินตามธีระเข้าไปในครัว จินดายกมือไหว้พระ
       “ขอให้แดงหายด้วยเถอะ”
     
       จบตอนที่ 12

No comments:

Post a Comment